ตัวอย่างการฟ้องชู้ ในตอนนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับ “แม่บ้าน” กับ ” คุณผู้ชาย “
คดีนี้โจทก์จดทะเบียนสมรสกับสามีมานานประมาณ 10 กว่าปีเศษ มีบุตรด้วยกัน 2 คน ครอบครัวโจทก์ค่อนข้างจะมีฐานะ จึงได้มีการจ้างจำเลยมาเป็นแม่บ้านประจำบ้าน มาคอยดูแลทำความสะอาดและทำงานต่างๆในบ้าน
โดยจำเลยทำงานอยู่กับโจทก์ มาเป็นเวลาประมาณเกือบ 10 ปีแล้ว ที่ผ่านมาโจทก์ไม่เคยระแคะระคายมาก่อนว่าจำเลยมีความสัมพันธ์กับสามีตนเอง
ทั้งนี้เนื่องจากโจทก์เองเป็นผู้หญิงทำงาน เป็นเจ้าของร้านอาหารหลายแห่ง ต้องเดินทางไปตรวจและบริหารกิจการเป็นจำนวนมาก จึงไม่ค่อยมีเวลาว่างมาจับผิดสามีแต่อย่างใด
จนกระทั่งปี 2563 มีการแพร่ระบาดของสถานการณ์เชื้อไวรัส covid-19 ทำให้กิจการร้านอาหารที่โจทก์ดูแลอยู่จะต้องปิดตัวชั่วคราว ทำให้โจทก์มีเวลาอยู่บ้าน และใช้เวลากับสามีมากขึ้น
ปรากฏว่าเมื่อโจทก์ได้ใช้เวลาอยู่บ้านมากขึ้น ก็พบสิ่งผิดสังเกต พบว่าตัวสามีกับแม่บ้าน มีการหยอกล้อกันสนิทสนมผิดปกติ บางครั้งตัวแม่บ้านก็ออกอาการงอนหรือโกรธสามีโจทก์ เกินวิสัยแม่บ้านกับเจ้านาย ทำให้โจทก์เกิดความสงสัย
สุดท้ายจึงได้เค้นถามสามีถึงเรื่องความจริง ทำให้สามีโจทก์ยอมรับว่า ได้มีความสัมพันธ์ในทำนองชู้สาวกับแม่บ้านจริง และมีมานานหลายปีแล้ว โจทก์จึงได้ไล่แม่บ้านออกจากงาน
ถ้าเรื่องราวจบลงตรงที่เท่านี้ ตัวโจทก์ก็ไม่น่าจะฟ้องตัวแม่บ้านได้ เพราะการที่ภรรยาจะฟ้องหญิงชู้เพื่อเรียกค่าทดแทน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1523 การกระทำของหญิงชู้ การกระทำของหญิงชู้ ต้องมีลักษณะเป็นการ “แสดงตนโดยเปิดเผยว่ามีความสัมพันธ์ในทำนองชู้สาว ”
หมายความว่ากรณีที่ภรรยาจะฟ้องหญิงชู้ได้นั้น หญิงชู้จะต้องมีการแสดงตัวโดยเปิดเผย ว่าตนเองมีความสัมพันธ์ในทำนองชู้สาวกับสามีโจทก์ ไม่ใช่เพียงแค่ การแอบมีความสัมพันธ์กันแบบลับๆ แอบคบหากัน หรือแอบมีเพศสัมพันธ์กันชั่วครั้งชั่วคราว เท่านั้น
ทั้งนี้ มีตัวอย่างคำพิพากษาศาลฎีกาเช่น
ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1523 วรรคสอง โจทก์ซึ่งเป็นภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายมีสิทธิเรียกค่าทดแทนจากหญิงอื่นได้นั้น ต้องมีข้อเท็จจริงว่า หญิงอื่นแสดงตนว่ามีความสัมพันธ์กับสามีตนในทำนองชู้สาวโดยเปิดเผย
หน้าที่นำสืบให้ได้ความเช่นว่านั้นจึงตกแก่โจทก์
การที่โจทก์นำสืบว่า จำเลยได้มีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับ ช. สามีโจทก์ โดยได้ติดต่อกันทางโทรศัพท์เคลื่อนที่ ส่งข้อความทางโทรศัพท์
ส่งข้อความ (Chat) ทางระบบเครือข่ายไลน์ มีการนัดหมายกันไปมีเพศสัมพันธ์กันตามสถานที่ต่างๆ และมีคลิปวิดีโอภาพการมีเพศสัมพันธ์ระหว่างจำเลยกับ ช. รวมถึง ช. ได้ส่งดอกไม้ให้จำเลยเป็นประจำ และโอนเงินเข้าบัญชีจำเลย โจทก์ได้มีหนังสือร้องเรียนถึงพฤติกรรมจำเลยไปที่กรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคาร ก. เพื่อให้ตรวจสอบพฤติกรรมและตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัยจำเลย แต่โจทก์มีตัวโจทก์มาเบิกความเพียงปากเดียวว่า จำเลยกับ ช. มีพฤติกรรมดังกล่าว
แม้จำเลยยอมรับในรายงานกระบวนพิจารณาว่า จำเลยมีเพศสัมพันธ์กับ ช. จริง แต่จำเลยก็ไม่ได้รับว่าตนเองอยู่ในฐานะภริยาอีกคนของ ช. หรือ ช. ได้มีพฤติกรรมยกย่องตนเองฉันภริยาแต่อย่างใด ภาพถ่ายและคลิปวิดีโอโจทก์ได้มาจาก ช. ทั้งสิ้น โดย ช. เก็บไว้ในโน๊ตบุ๊ก flashdrive และ external harddisk ช. เป็นผู้อธิบายให้โจทก์ฟังว่าสถานที่ต่างๆ คือที่ใด
แสดงให้เห็นว่า การที่โจทก์รู้เห็นถึงความสัมพันธ์ของ ช. กับจำเลย เกิดจากคำบอกเล่าของสามีของโจทก์เอง หาใช่การกระทำของทั้ง ช. และจำเลย
ที่มีการแสดงออกโดยเปิดเผยจนเป็นที่รับรู้และเข้าใจต่อบุคคลอื่นไม่ ไม่ปรากฏพฤติกรรมว่า ช. ได้เลี้ยงดูยกย่องจำเลยเป็นภริยา หรือแยกไปอาศัยอยู่กินด้วยกัน หรือพาจำเลยไปเปิดตัวต่อผู้อื่นในที่ชุมชน หรือพาไปตามสถานที่ต่างๆ แบบเปิดเผย
ไม่มีการแสดงออกทั้งภาพถ่าย และการระบุสถานะในสื่อสังคมออนไลน์ปรากฏต่อสาธารณชน ไม่มีพยานบุคคลอื่นที่รู้เห็นความสัมพันธ์ของบุคคลทั้งสองไม่ว่าพนักงานโรงแรม พนักงานรักษาความปลอดภัย บิดามารดา เพื่อร่วมงานของจำเลยที่ธนาคาร ก. ที่สาขาพัทยา เพื่อนร่วมงานของโจทก์ เพื่อนของ ช.
ลำพังเพียงรูปถ่ายของจำเลยกับ ช. ที่ไปมีเพศสัมพันธ์ตามสถานที่ต่างๆ และคลิปวิดีโอที่โจทก์ได้มาจากสามีตนเอง ไม่ใช่สิ่งที่สื่อถึงเจตนาที่แท้จริงของบุคคลทั้งสองว่าต้องการมีความสัมพันธ์แบบเปิดเผย โจทก์กลับนำพยานหลักฐานต่างๆ เหล่านี้มาได้ด้วยความยินยอมของ ช.
โจทก์ส่งภาพการมีเพศสัมพันธ์ของจำเลยกับ ช. ไปให้ ส. น้องสาวจำเลยทางเครือข่ายไลน์ ทำให้เป็นที่เผยแพร่ไปในสังคม อันเป็นการกระทำด้วยตัวโจทก์เอง หาใช่จำเลยเป็นคนเผยแพร่ไม่
การกระทำดังกล่าว จึงเป็นความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลสองคนที่ย่อมต้องปกปิด แอบลักลอบกระทำกันในที่ลับ แม้ว่าอาจเป็นการละเมิดสิทธิในครอบครัวของโจทก์กับผู้เป็นภริยา แต่โจทก์ย่อมไม่สามารถเรียกค่าทดแทนจากจำเลยได้ เพราะจำเลยไม่ได้แสดงตนโดยเปิดเผยว่ามีความสัมพันธ์กับสามีโจทก์ในทำนองชู้สาวตามนัยแห่งบทบัญญัติมาตรา 1523 วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10851/2555
ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1523 วรรคสอง การที่ภริยาจะเรียกค่าทดแทนจากหญิงอื่นที่มีความสัมพันธ์กับสามีของตนในทำนองชู้สาวได้ก็เฉพาะแต่หญิงนั้นต้องแสดงตนโดยเปิดเผยว่ามีความสัมพันธ์กับสามีของตนในทำนองชู้สาว เมื่อโจทก์เพียงแต่สงสัยในความสัมพันธ์ระหว่างสามีโจทก์กับจำเลย เช่น การที่สามีโจทก์ไปค้ำประกันหนี้เช่าซื้อรถยนต์ให้จำเลย การรับฟังผู้อื่นเล่ามาว่ามีคนต้องการโทรศัพท์ไปหาสามีโจทก์ เมื่อโทรหาจำเลยก็ติดต่อกับสามีโจทก์ก็ได้ หรือมีผู้เล่าว่าสามีโจทก์ไปหาจำเลยที่บ้านเช่า แต่ไม่ปรากฏว่า มีพยานอื่นสนับสนุนยังไม่พอฟังว่าเป็นการแสดงตนโดยเปิดเผย ทั้งการที่จำเลยกับสามีโจทก์อยู่ด้วยกันตามลำพังในโรงแรมชานเมือง แม้เป็นพฤติกรรมที่ทำให้น่าเชื่อว่าจำเลยอาจจะไปมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับสามีโจทก์ก็ตาม แต่เมื่อสิทธิที่โจทก์จะเรียกค่าทดแทนจากจำเลยนั้น จำเลยต้องแสดงตนโดยเปิดเผยเพื่อแสดงว่าตนมีความสัมพันธ์กับสามีโจทก์ในทำนองชู้สาวเท่านั้น แต่การกระทำดังกล่าวมีลักษณะเป็นการลักลอบและพยายามปกปิดการกระทำให้ทราบกันตามลำพังระหว่างจำเลยและสามีโจทก์ โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกค่าทดแทนจากจำเลย
จากข้อกฎหมายดังกล่าวจะเห็นได้ว่า
พฤติการณ์ของแม่บ้านดังกล่าวที่ลักลอบมีความสัมพันธ์กับสามีโจทก์ ก็ยังไม่ถือว่าเป็นการแสดงตนโดยเปิดเผยว่ามีความสัมพันธ์ในทำนองชู้สาว เพราะมีลักษณะเป็นการแอบคบหาและแอบมีความสัมพันธ์กัน
แต่อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ไม่จบเพียงเท่านี้ เพราะหลังจากที่โจทก์ได้ไล่แม่บ้านคนดังกล่าวออกจากงานไปแล้ว แม่บ้านคนดังกล่าวยังได้พยายามติดต่อสามีโจทก์ โดยอ้างว่าสามีโจทก์รับปากว่าจะให้เงินทองอะไรไว้และไม่ยอมให้
เมื่อสามีโจทก์ไม่ยอมรับสายแม่บ้านคนดังกล่าว แม่บ้านคนดังกล่าว ก็ได้ติดต่อไปยังครอบครัวและญาติพี่น้องของสามีโจทก์ และแสดงตนโดยเปิดเผยว่าตนเองมีความสัมพันธ์กับสามีโจทก์ในทำนองชู้สาว และเรียกร้องให้สามีโจทก์มารับผิดชอบ
ซึ่งกรณีดังกล่าว ย่อมถือว่าเป็นการแสดงตนโดยเปิดเผยว่าตนเองมีความสัมพันธ์ในทำนองชู้สาวกับสามีโจทก์ ก่อให้เกิดสิทธิแก่โจทก์ที่จะฟ้องเรียกค่าทดแทนได้
คดีนี้ผมฟ้องเรียกค่าทดแทนเป็นจำนวน 300,000 บาท และศาลพิพากษาให้จำเลยชำระเงินเต็มตามฟ้อง
ทั้งนี้สาเหตุที่ศาลพิพากษาให้ค่าแทนเต็มตามคำฟ้อง น่าจะเป็นเพราะ
1.โจทก์และสามีโจทก์แต่งงาน แล้วอยู่กินกันเป็นครอบครัวมาเป็นเวลานาน 10 ปีเศษ มีบุตรด้วยกัน 2 คน
2.ครอบครัวโจทก์รักใคร่กันด้วยดี ไม่มีปัญหาแต่แยกกันมาก่อน
3.ตัวจำเลย รู้ดีอยู่แล้วว่าสามีโจทก์มีโจทก์เป็นภรรยาอยู่แล้ว
4.โจทก์และครอบครัวโจทก์ค่อนข้าง
จะมีฐานะหน้าตาทางสังคม
5.ลักษณะการเป็นชู้หรือมีความสัมพันธ์ทำนองชู้สาวของจำเลย มีระยะเวลาต่อเนื่องกันมาเป็นเวลานาน
6.หลังจากโจทก์จับได้ว่า จำเลยมีความสัมพันธ์ในทำนองชู้สาว จำเลยยังไม่ยอมหยุดความสัมพันธ์และยังได้ป่าวประกาศให้คนอื่นรับรู้ เป็นการแสดงความไม่สำนึกผิดและทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย
จะเห็นได้ว่าในการฟ้องคดีชู้นั้นการปรับข้อกฎหมาย และการนำสืบให้เห็นถึงเหตุที่ศาลจะกำหนดค่าตอบแทนให้เป็นจำนวนมากนั้น เป็นเรื่องที่สำคัญมากครับ
ทั้งนี้สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ในบทความเรื่อง ฟ้องชู้เรียกเงินได้เท่าไหร่ และ 10 หลักเกณฑ์ที่ศาลนำมาใช้กำหนดค่าเสียหายในคดีฟ้องชู้
สุดท้ายนี้ผมหวังว่า ตัวอย่างการทำงานจากประสบการณ์จริงเช่นนี้จะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆที่สนใจทุกคนครับ
สรุป
ในการฟ้องคดีชู้ ที่ฝ่ายภริยาเป็นผู้ฟ้องคดีนั้น ทนายความจะต้องพยายามรวมรวมหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการ แสดงตนโดยเผยว่าตนเองมีความสัมพันธ์ในทำนองชู้สาวกับสามีโจทก์
นอกจากนี้ในการฟ้องคดี ก็จะต้องบรรยายฟ้องและนำสืบถึงสาเหตุต่างๆ ที่ศาลจะกำหนดค่าเสียหายให้สูงขึ้น เช่น ฐานะทางสังคม ความสัมพันธ์ในครอบครัว พฤติการณ์ความร้ายแรงในการเป็นชู้
เพื่อที่ศาลจะได้กำหนดค่าเสียหายให้เต็มตามฟ้อง เหมือนกับใน ตัวอย่างคดีฟ้องชู้ ที่ผมนำมาลงให้ดูในวันนี้ครับ