หากท่านมีปัญหาต้องการปรึกษาทนายความ

หรือต้องการใช้บริการต่างๆของทางสำนักงานท่านสามารถติดต่อกับทีมงานของสำนักงาน พิศิษฐ์ ศรีสังข์ ทนายความ เพื่อขอรับคำปรึกษาและบริการ ทางช่องทางต่างๆ ที่ปรากฎข้างล่างนี้ได้ทันที โดยเราจะตอบกลับท่านโดยเร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้

ช่องทางติดต่อ

ico_03

ทางโทรศัพท์

เบอร์ 098-2477807 (ais) , 087-3357764 (true)

ico_05

ทางแอพพลิเคชั่น ไลน์ (line)

Lineid : @srisunglaw

ico_02

ทาง E-mail ที่

ico_02

ทาง กล่องข้อความ (inbox) ที่

https://www.facebook.com/srisungadvocate

ico_01

ติดต่อพบทนายความ ที่สำนักงานโดยตรงที่

สำนักงาน พิศิษฐ์ ศรีสังข์ ทนายความ 51/29-51/30 หมู่ที่4 ตำบลบ้านสวน อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี (อยู่ด้านในสถานีเดินรถขนส่งเก่าจังหวัดชลบุรี) ห่างจากศาลจังหวัดชลบุรีและศาลแขวงชลบุรีประมาณ 1 กิโลเมตร อยู่ฝั่งตรงข้ามเยื้องกับโรงพยาบาลชลบุรีประมาณ 400 เมตร ( กรุณานัดหมายล่วงหน้าก่อนทุกครั้ง)

การคิดค่าวิชาชีพทนายความของเรา

สำนักงานทนายความแต่ละแห่งย่อมมีการกำหนดค่าวิชาชีพทนายความที่แตกต่างกันไปแต่อย่างไรก็ดีการคิดค่าวิชาชีพทนายความที่ดี ก็ควรมีความสมเหตุผล มีหลักเกณฑ์พอสังเขป และตั้งอยู่บนพื้นฐานของเป็นจริง มิใช่เป็นการกำหนดค่าว่าความตามอำเภอใจ ซึ่งทางสำนักงาน พิศิษฐ์ ศรีสังข์ ทนายความ มีหลักเกณฑ์ในการกำหนดค่าว่าความ โดยสังเขป ต่อไปนี้

1.ความยากง่ายของคดี ในคดีที่มีข้อกฎหมายหรือข้อเท็จจริงที่สลับซับซ้อน ย่อมต้องใช้เวลาเตรียมคดีและค้นคว้าทางกฎหมายมาก โดยเฉพาะคดีแพ่งบางคดีที่มีเอกสารที่ต้องศึกษาจำนวนมาก หรือในคดีอาญาบางคดีจำต้องศึกษาข้อเท็จจริงลงพื้นเกิดเหตุและสอบปากคำพยาน จำนวนมาก คดีลักษณะเช่นนี้ย่อมมีค่าวิชาชีพที่สูงกว่าคดีที่ไม่ซับซ้อน แต่ปัจจัยข้อนี้ก็ไม่แน่เสมอไป หากข้อกฎหมายนั้นเป็นข้อกฎหมายที่น่าสนใจ หรือคดีนั้นทนายความเห็นว่าตัวความไม่ได้รับความเป็นธรรม และทนายความมีความประสงค์ที่จะรับคดีนั้นเพราะมีข้อกฎหมายที่น่าศึกษาหรือ ต้องการช่วยตัวความ อาจจะรับงานนั้นได้ในราคาต่ำกว่าปกติได้
2.ระยะเวลาที่ใช้ในงานทำงาน งานคดีที่สามารถจบได้โดยการทำสัญญาประนีประนอมยอมความในชั้นไกล่เกลี่ย สมานฉันท์ ซึ่งทนายความจะใช้เวลาในการทำงานไม่นาน ค่าว่าความย่อมต่ำกว่า คดีที่ต้องต่อสู้กับเป็นปีๆ ดังนั้นระยะเวลาในการทำคดีจึงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทางสำนักงานฯจะนำพิจารณา ในการคิดค่าว่าความ
3. ความเสี่ยงในการทำงาน งานคดีความบางประเภท หากทนายความรับแล้ว จะมีความเสี่ยงต่อชีวิตหรือชื่อเสียง ของทนายความ ค่าวิชาชีพของทนายความย่อมต้องสูงกว่าปกติ ตัวอย่างเช่นคดีมรดกบางคดีที่ทายาทมีความขัดแย้งกันอย่างรุนแรง หรือคดียาเสพติด ที่เมื่อทนายความรับทำแล้วก็ต้องมีความขัดแย้งกับเจ้าพนักงานตำรวจ และพนักงานอัยการ
4. อุปนิสัยของลูกความ หากลูกความมีอุปนิสัยดี มีน้ำใจ ซื่อสัตย์ ตรงไปตรงมา น่าทำงานด้วย ก็จะทำให้การคิดค่าว่าความต่ำลงกว่าราคามาตรฐาน แต่หากทนายความสอบข้อเท็จจริงแล้วเห็นว่า ลูกความปิดบังข้อเท็จจริงกับทนายความ ไม่ซื่อสัตย์ ไม่ให้เกียรติทนายความ ทนายความอาจจะเรียกค่าว่าความสูงขึ้น เพราะไม่อยากร่วมงานด้วย
5. เดิมพันในคดีนั้นๆ ซึ่งหมายถึงผลประโยชน์ที่ลูกความจะได้รับในคดีนั้นๆ ในคดีแพ่งที่มีจำนวนจำนวนทุนทรัพย์มาก ทนายความย่อมต้องใช้ความระมัดระวังและความรู้ความสามารถเป็นอย่างสูง เพราะทนายความเองก็มีความเสี่ยงหากทำงานผิดพลาดทำคดีของลูกความเสียหาย อาจจะต้องรับผิดต่อลูกความได้ และหากลูกความชนะคดีจะได้เงินหรือทรัพย์สินเป็นจำนวนมาก หรือในคดีอาญาที่มีโทษสูง ทนายความก็จะต้องมีความละเอียดและรอบคอบในการทำงานมาก และต้องใช้เวลาในการเตรียมคดีเป็นเวลานาน ดังนั้นคดีแพ่งที่มีทุนทรัพย์สูงหรือคดีอาญาที่มีโทษสูง ซึ่งหากชนะคดีแล้วตัวความจะได้รับประโยชน์สูง ค่าว่าความย่อมสูงตามไปด้วย
6. ความถนัดเฉพาะด้านในคดี ในคดีที่ทนายความมีความชำนาญ ย่อมต้องเรียกค่าว่าความสูงตามความสามารถ แต่หากคดีลักษณะใดที่ทนายความรู้ตัวว่า ตนเองไม่มีความชำนาญ จำต้องศึกษากฎหมายเรื่องนั้นๆประกอบเพิ่มเติมระหว่างทำคดี ก็อาจจะเรียกค่าว่าความต่ำลงมาและชี้แจงให้ทราบว่าตนเองไม่ถนัดกฎหมายดัง กล่าวแต่จะพยายามศึกษาเต็มที่ หรือหากลูกความต้องการทนายความที่เชี่ยวชาญในเรื่องนั้นจริงๆ ทนายความที่ดีต้องแนะนำทนายความเฉพาะด้านท่านอื่นที่ไว้ใจได้ให้แก่ลูกความ ซึ่งสำหรับ สำนักงานฯของเรานั้น มีความถนัดเฉพาะด้าน ในการว่าความคดีอาญา คดีที่ดิน คดีครอบครัว และคดีมรดก
7.ระยะทางใกล้ไกลในการไปศาลของคดีนั้นๆ หากการเดินทางไปศาลแต่ละครั้งต้องเสียเวลามาก ทนายความก็ต้องเสียเวลาในการทำงานคดีอื่น และยังมีค่าใช้จ่ายในการเดินทางมาก ค่าว่าความก็ย่อมสูงไปด้วย ดังนั้นหากเป็นคดีที่ไม่ยาก หรือไม่ซับซ้อนมาก ก็ควรเลือกใช้ทนายท้องถิ่นจะดีกว่า โดยก่อนจะว่าจ้างทนายความท้องถิ่นก็ควรจะสอบถามถึงประวัติการทำงานจากคนที่ ไว้ใจได้เสียก่อน
ซึ่งก่อนที่ทางสำนักงานฯจะกำหนดค่าว่าความได้นั้น ทางสำนักงานฯต้องได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงในคดีอย่างละเอียดแล้ว ซึ่งลูกความมักต้องการให้ทนายความกำหนดค่าว่าความเลย หลังจากที่ได้คุยกับทนายความเพียง 5-10 นาที โดยที่ทนายความยังไม่ได้สอบคำให้การพยานโดยละเอียดและยังไม่เห็นเอกสารใดๆ ซึ่งทนายความย่อมไม่สามารถกำหนดค่าว่าความได้ถูกต้อง หากทนายความค่าว่าความกำหนดสูงไป ตัวความย่อมเสียเปรียบ แต่หากทนายความกำหนดต่ำไป ย่อมไม่เพียงพอต่อการทำคดี และส่งผลกระทบต่อคุณภาพงานคดีได้ ดังนั้นวิธีที่ สำนักงาน พิศิษฐ์ ศรีสังข์ ทนายความ ใช้ตลอดมา ก็คือ ทนายความจะขอตรวจสอบเอกสารและคำให้การของพยานอย่างละเอียด ก่อนจะกำหนดค่าว่าความ โดยทางสำนักงานฯ จะไม่คิดค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบเอกสารหรือคำให้การของพยานก่อนรับคดีแต่อย่างใด