คดียาเสพติด ถ้าเจอยาเสพติดในบ้าน ภริยาจะอ้างว่าไม่รู้เห็นในการกระทำผิดได้หรือไม่ ?
กรณีที่สามีและภริยา หรือคู่รักที่อาศัยอยู่ในบ้านหรือห้องพักหลังเดียวกัน และปรากฏว่าสามีนำสิ่งของผิดกฎหมาย เช่นยาเสพติด อาวุธปืน ฯลฯ นำมาเก็บไว้ในบ้านหรือห้องพักที่ใช้อาศัยอยู่ร่วมกัน
โดยปกติแล้วเมื่อมีการตรวจค้นจับกุมเจ้าพนักงานตำรวจมักตั้งข้อหาเอาแก่ทั้งสามีและภริยาหรือคนรักทั้งสองคนในข้อหาร่วมกันครอบครองของผิดกฎหมายเหล่านั้น
แต่เมื่อคดีไปขึ้นสู่ศาลแล้ว ศาลจะลงโทษสามีและภริยาทั้งสองคนหรือไม่นั้น ถึงแม้ตามปกติวิสัยแล้ว ก็น่าเคลือบแคลงสงสัยอยู่ว่าสามีหรือภริยาหรือคู่รักอีกฝ่ายหนึ่งน่าจะต้องรู้เห็นถึงการกระทำผิดของคู่สมรสหรือคู่รักของตน
แต่การที่ศาลจะลงโทษผู้ใดนั้นโจทก์จะต้องนำสืบให้เห็นโดยปราศจากข้อสงสัยว่าจำเลยเป็นผู้กระทำผิด มิใช่เพียงแต่อาศัยเพียงแค่พฤติการณ์ที่น่าเคลือบแคลงน่าสงสัยของจำเลยแล้วจึงลงโทษจำเลย
ซึ่งในคดีทำนองเดียวกับจำเลยนี้ จะต้องมีข้อเท็จจริงหรือพฤติการณ์ที่จะบ่งชี้ให้เห็นแน่ชัดว่าจำเลยรู้หรือควรรู้ว่าสามีของจำเลยนำยาเสพติดไปเก็บไว้ทีบ้านหลังดังกล่าว เช่น
1.ยาเสพติดที่พบในบ้านมีจำนวนและปริมาณมากเกินกว่าที่จำเลยที่เป็นภริยาจะอ้างว่าไม่รู้ (ฎ.5716/2542 ฎ.5719/2554 ฎ.6792/2554)
2. ยาเสพติดที่พบตั้งอยู่อย่างเปิดเผยหรือสามารถเห็นได้โดยง่าย (ฎ.5487/2539)
3.มีของผิดกฎหมายและยาเสพติดกระจัดกระจายในบ้านที่จำเลยและสามีอยู่ด้วยกัน (ฎ.9695/2554) ประกอบกับมีของผิดกฎหมายอื่นๆอยู่ในบ้านอย่างเปิดเผย
4.ขณะตรวจค้นจับกุมจำเลยพยายามหลบหนีหรือขัดขืนการจับกุม หรือพยายามทำลายของกลาง(ฎ.56/2542 ฎ.1849/2539)
5.ปรากฏพยานหลักฐานที่แน่ชัดจากการสืบสวนโดยมีพยานหลักฐานประกอบอย่างเป็นขั้นตอนว่าจำเลยร่วมกับสามีกระทำความผิดมาก่อน (ฎ.6792/2554)ปรากฏว่าจำเลยเคยมีประวัติการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดเช่นเคยเสพยาเสพติดหรือค้ายาเสพติดมาก่อน
6.สามีของจำเลยมีประวัติค้ายาเสพติดมายาวนาน โดยสามีของจำเลยไม่เคยทำงานอย่างอื่น และจำเลยไม่ได้ทำงานและไม่มีรายได้อย่างอื่นสำหรับเลี้ยงครอบครัว หรือจำเลยได้อยู่กินฉันท์สามีภริยาหรืเป็นอคนรักกับสามีหรือคู่รักมาเป็นเวลานาน
7.ปรากฏว่ามีทรัพย์สินอื่นๆอยู่ในบ้านซึ่งเกินฐานะจากการทำงานตามปกติของจำเลยและสามี
8.ตรวจพบสารเสพติดในปัสสาวะของจำเลย
9.ยาเสพติดที่พบ พบอยู่ในเครื่องใช้ส่วนตัวของจำเลย เช่นเสื้อผ้า หรือกระเป๋าของผู้หญิง โดย มิใช่ของสามีหรือคู่รักของจำเลย
10..มีพฤติการณ์อื่นๆในการร่วมกับสามีกระทำผิดยาเสพติด เช่น ถูกจับกุมขณะร่วมกระทำผิดด้วยกัน หรือเหตุอื่นๆ ฎ.258/2538 ฎ.1845/2555,ฎ.1849/2555
หากไม่ปรากฎข้อเท็จจริงดังกล่าวเหล่านี้ ก็น่าเชื่อว่า ภริยาหรือคู่รักจะไม่ทราบว่ามียาเสพติดหรือสิ่งผิดกฎหมายอยู่ในบ้านของที่ตนเองพักอาศัยร่วมกับสามีหรือคนรักของตน ซึ่งหากวางแผนสู้คดีอย่างถูกต้องแล้ว ก็มีโอกาสสูงที่ศาลจะยกฟ้องตัวภริยาหรือคู่รักที่อาศัยอยู่ในบ้าน