บทความกฎหมายอาญาและวิธีพิจารณาความอาญา

ประเด็นข้อต่อสู้และถามค้าน ในคดีความผิดฐานรับของโจร

คดีความผิดฐานรับของโจรมักมีข้อต่อสู้และถามค้าน ที่จะต้องพิจารณาอยู่หลายข้อ

บทความนี้ ผมจะนำเสนอ 11 ประเด็นสำคัญที่ควรรู้ และได้ใช้บ่อยในคดีความผิดฐานรับของโจร พร้อมตัวอย่างคำพิพากษาศาลฎีกาประกอบ เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง เพื่อให้เห็นภาพรวมของการนำไปใช้ประกอบการต่อสู้คดี

ประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๕๗  ผู้ใดช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำหรือรับไว้โดยประการใดซึ่งทรัพย์อันได้มาโดยการกระทำความผิด ถ้าความผิดนั้นเข้าลักษณะลักทรัพย์ วิ่งราวทรัพย์ กรรโชก รีดเอาทรัพย์ ชิงทรัพย์ ปล้นทรัพย์ ฉ้อโกง ยักยอก หรือเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ ผู้นั้นกระทำความผิดฐานรับของโจร ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

1.ผู้เสียหายเป็นเจ้าของทรัพย์จริงหรือไม่

ประเด็นแรกที่ต้องพิจารณาคือ ผู้เสียหายที่อ้างว่าเป็นเจ้าของทรัพย์สินนั้น เป็นเจ้าของทรัพย์สินที่แท้จริงหรือไม่  หรือเป็นทรัพย์สินที่ได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เช่น บุหรี่ไฟฟ้า ยาเสพติด อาจจะถือว่ากฎหมายไม่รับรองคุ้มครอง ศาลอาจจะยกฟ้องไม่ได้

ยกตัวอย่างเช่นผู้เสียหายมากล่าวอ้างว่าตนเองเป็นเจ้าของทรัพย์สินอย่างใดอย่างหนึ่งซึ่งไม่มีทะเบียน ไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนว่าผู้เสียหายเป็นเจ้าของก็อาจจะตั้งคำถามค้านได้ดังนี้

  • ได้ทรัพย์สินมาอย่างไร
  • ซื้อมาจากที่ไหน
  • มีหลักฐานการซื้อทรัพย์สินไหม
  • มีหลักฐานการโอนเงินหรือไม่
  • มีหลักฐานความเป็นเจ้าของหรือไม่
  • นำเข้ามาจากที่ไหน
  • ขั้นตอนการนำเข้าเป็นอย่างไร
  • ขั้นตอนการเก็บเป็นอย่างไร
  • ถามโดยละเอียดตามแต่รูปคดีเพื่อพิสูจน์ความเป็นเจ้าของ

ตัวอย่างคำพิพากษาศาลฎีกา

  • คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2727/2537

รังนกในถ้ำตามเกาะเป็นทรัพย์ไม่มีเจ้าของ แต่บุคคลอาจได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์โดยเข้ายึดถือเอา การที่ อ. ได้รับอนุญาตให้เก็บรังนกได้อันเป็นการได้รับผูกขาดจากรัฐบาลนั้นอ.ผู้รับผูกขาดมีสิทธิเพียงว่าถ้าประสงค์จะเก็บรังนกในถ้ำที่ผูกขาดก็เข้าเก็บเอาได้ ไม่ต้องมีการหวงห้ามเหมือนบุคคลผู้ไม่ได้รับอนุญาต แต่จะมีกรรมสิทธิ์ได้ในรังนกนั้นยังจะต้องมีการเข้ายึดถือเอาอีกชั้นหนึ่งก่อนเมื่อผู้ที่เก็บรังนกรายนี้ไม่ใช่ลูกจ้างของอ.และอ.ยังมิได้เข้ายึดถือเอารังนกนั้นตามบทบัญญัติมาตรา 1318 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ อ. จึงยังมิได้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในรังนกรายนี้การเก็บรังนกดังกล่าวไปจึงไม่เป็นการลักทรัพย์ของอ.และเมื่อรังนกไม่ใช่ทรัพย์ที่ถูกลักมาจึงขาดองค์ประกอบความผิดฐานรับของโจร จำเลยที่ 1 ที่ 3 และที่ 4 ถูกฟ้องว่าร่วมกระทำผิดกับจำเลยที่ 2 จึงเป็นเหตุอยู่ในลักษณะคดี แม้จำเลยที่ 1 ที่ 3 และที่ 4มิได้อุทธรณ์ฎีกาขึ้นมา เมื่อการกระทำของจำเลยทั้งสามไม่เป็นความผิดศาลฎีกามีอำนาจพิพากษายกฟ้องตลอดไปถึงจำเลยทั้งสามได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213 ประกอบด้วยมาตรา 225

  • คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3209/2538

เมื่อคดียังฟังไม่ได้ว่าเงินของกลางเป็นทรัพย์ของผู้เสียหายที่ถูกคนร้ายลักไป ก็ไม่อาจรับฟังได้ว่าเงินของกลางดังกล่าวเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ อันจะทำให้จำเลยมีความผิดฐานรับของโจร

  • คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3097/2541

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองฐานปล้นทรัพย์หรือรับของโจรเงินตราต่างประเทศของผู้เสียหายแต่ข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสองกระทำผิดฐานปล้นทรัพย์และรูปคดีมีความสงสัยตามสมควรว่าธนบัตรเงินตราต่างประเทศที่เจ้าพนักงานตำรวจยึดจากจำเลยที่ 1 เป็นของผู้เสียหายที่ถูกคนร้ายปล้นไปหรือไม่จึงต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยนั้นให้จำเลยที่ 1 ไป ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 227 วรรคสอง และฟังว่าจำเลยที่ 1 ไม่ได้กระทำความผิดฐานรับของโจร

 2.การกระทำของนำทรัพย์สินมาขายให้เราเป็นการกระทำผิดมูลฐาน 8 ข้อ ไหม

หรือเรียกง่ายๆว่า คนที่เอามาขายเป็นโจรจริงไหม ?

ต้องพิจารณาว่าการกระทำของคนที่นำทรัพย์สินมาขายนั้น เข้าข่ายความผิด 8 ฐานตามที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ เช่น ลักทรัพย์ วิ่งราวทรัพย์ ชิงทรัพย์ ปล้นทรัพย์ ยักยอก ฉ้อโกง กระโชก รีดเอาทรัพย์  หากเป็นเพียงการผิดสัญญาทางแพ่ง ก็ไม่ถือว่าเป็นความผิดฐานรับของโจร

ตัวอย่างเช่นถ้าผู้เสียหายมากล่าวอ้างว่า ถูกคนร้ายนำทรัพย์สินมาขายโดยถูกฉ้อโกง ถูกยักยอก ถูกลักทรัพย์ มา

เราอาจตั้งคำถามค้านหรือนำสืบได้ถึงประเด็นดังต่อไปนี้

  • ขั้นตอนการที่คนร้ายเอาทรัพย์สินไปเอาไปได้อย่างไร
  • ที่มาที่ไปของข้อพิพาทระหว่างเจ้าของทรัพย์สินกับคนที่เอาทรัพย์มาขาย
  • มีลักษณะเป็นเพียงการโต้แย้งสิทธิทางแพ่งไหม
  • ใช่เป็นการลักทรัพย์จริงไหมหรือเป็นเพียงการใส่ร้ายหรือเข้าใจไม่ตรงกัน
  • ถามค้านโดยละเอียดเหมือนคดีลักทรัพย์ ยักยอก ฉ้อโกง กรรโชก รีดเอาทรัพย์
  • โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงให้เห็นว่า มันไม่ใช่การกระทำความผิดอาญา 8 ฐานจริงๆ

ตัวอย่างคำพิพากษาศาลฎีกา

  • คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 593/2549

จำเลยที่ 1 ซึ่งถือหุ้นจำนวน 5,000 หุ้นรองจากนางเสาวคนธ์กรรมการโจทก์ ย่อมมีสิทธิได้รับการแบ่งผลกำไรจากการทำธุรกิจร่วมกันกับโจทก์ เมื่อจำเลยที่ 1 กับโจทก์มีปัญหาเรื่องผลประโยชน์กัน โดยจำเลยที่ 1 เห็นว่าโจทก์ไม่แบ่งผลประโยชน์ให้ จึงถอดเครื่องอุปกรณ์ของเครื่องจักรในโรงงานและเอาสีต่าง ๆ ไปเก็บไว้เพื่อต่อรองให้โจทก์จ่ายผลประโยชน์ในส่วนที่ตนพึงจะได้รับ เครื่องอุปกรณ์ชิ้นส่วนดังกล่าวเมื่อนำมาติดตั้งใหม่ก็สามารถติดตั้งและใช้งานได้ดีตามปกติ การกระทำเช่นนี้ของจำเลยที่ 1 เห็นได้ว่ามิได้ประสงค์ต่อผลที่จะเอาทรัพย์ของโจทก์ไปเป็นของตนหรือของผู้อื่น แสดงว่าจำเลยที่ 1 มิได้มีเจตนาทุจริตแสวงหาประโยชน์อันมิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย ไม่ครบองค์ประกอบความผิดฐานลักทรัพย์ จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้ขับรถยนต์นำสิ่งของดังกล่าวไปฝากไว้ที่บ้านของจำเลยที่ 3 จึงไม่มีความผิดฐานลักทรัพย์ ส่วนจำเลยที่ 3 ก็ไม่มีความผิดฐานรับของโจร

  • คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6304/2537

การที่ ส. เช่ารถยนต์ของกลางมาจากโจทก์ร่วม ต่อมาเจ้าหนี้ของ ส. ยึดรถยนต์ของกลางไป และจำเลยได้ครอบครองรถยนต์ของกลางนั้นไว้ แสดงว่า ส. มิได้สมัครใจในการมอบรถยนต์ของกลางให้เจ้าหนี้ไป หากแต่เกิดเพราะความจำยอม จึงฟังไม่ได้ว่า ส. มีเจตนาทุจริตกระทำผิดฐานยักยอกทรัพย์ของโจทก์ร่วมแต่ประการใด การกระทำของจำเลยจึงไม่อาจเป็นความผิดฐานรับของโจรจากผู้กระทำผิดฐานยักยอกทรัพย์

3.ลักษณะสินค้ามีข้อพิรุธหรือไม่ 

ลักษณะของสินค้าที่รับซื้อมามีข้อพิรุธหรือไม่ เช่น

เป็นของที่คนทั่วไปไม่สามารถครอบครองได้ไหม ?

มีร่องรอยการลบ ขูด ต่อเติม หรือทำลายหลักฐาน ?

มีกล่อง คู่มือ ใบเสร็จ หรือหนังสือรับประกันไหม ?

หน้าจอมือถือที่ขาย ไม่ได้ล๊อค ใช้ได้ปกติ

ประเด็นที่จะใช้ถามค้าน หรือนำสืบ

  • ทรัพย์สินเป็นทรัพย์สินที่ปกติ
  • ไม่มีข้อพิรุธที่บ่งชี้ ว่าจะเป็นทรัพย์สินที่ลักมา
  • เขามีใบเสร็จ มีกล่องคู่มือ หรือหนังสือรับประกันมาแสดง
  • มีข้อมูลหรือหลักฐานใดๆในคดีที่ชี้ให้เห็นว่าเราชื่อว่าเป็นของที่ได้มาโดยสุจริต
  • ถามค้านเพื่อให้เห็นว่าสินค้าไม่มีข้อพิรุธใดๆ ที่จะทำให้เราสงสัย

ตัวอย่างคำพิพากษาศาลฎีกา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2095/2530

‘ข้อเท็จจริงได้ความว่า ตามวัน เวลาที่เกิดเหตุถังน้ำขององค์การสหประชาชาติที่ส่งมาเตรียมไว้ที่ตำบลทัพเสด็จ อำเภอตาพระยา จังหวัดปราจีนบุรี เพื่อให้ชาวเขมรอพยพใช้ได้ถูกคนร้ายลักไปรวม 77 ใบ ต่อมาเจ้าพนักงานยึดได้ถังน้ำที่ถูกคนร้ายลักไป 2 ใบ จากบ้านจำเลย เป็นของกลาง ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยว่า จำเลยรับถังน้ำของกลางไว้โดยรู้ว่าเป็นทรัพย์อันได้มาโดยการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์หรือไม่ นายนิทัศน์ เจริญมิน พยานโจทก์ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่องค์การสหประชาชาติประจำอยู่ที่อำเภอตาพระยามีหน้าที่ดูแลถังน้ำที่ส่งมาเบิกความว่า ถังน้ำดังกล่าวที่ตัวถังพ่นสีเป็นชื่อย่อขององค์การอาหารโลก ไม่มีก๊อกแต่จะต่อแป๊ปน้ำเพื่อให้น้ำไหลเร็วขึ้น ส่วนบนของถังมีเหล็กเชื่อมติดไว้เพื่อกันมิให้คนลงไปตักน้ำในถังได้ถังชนิดนี้ไม่มีขายในท้องตลาดร้อยตำรวจเอกอิทธิพล ปิ่นสุวรรณ พยานโจทก์เบิกความว่าได้รับแจ้งจากนายนิทัศน์ว่าถังน้ำที่ส่งมานั้นนำไปรวมไว้ที่ริมถนนตำบลทัพเสด็จจากคำเบิกความของพยานโจทก์ทั้งสองแสดงว่าถังน้ำดังกล่าวมีลักษณะพิเศษแตกต่างกับถังน้ำที่มีอยู่โดยทั่วๆ ไปทั้งตั้งไว้ในที่เปิดเผย บุคคลทั่วไปย่อมรู้ได้ว่าเป็นถังน้ำที่ส่งมาเพื่อให้ชาวเขมรอพยพใช้เท่านั้น ทั้งโจทก์มีร้อยตำรวจเอกอาจินต์ ทองอยู่ พนักงานสอบสวนเบิกความว่า ชั้นสอบสวนจำเลยให้การรับสารภาพฐานรับของโจรปรากฏตามบันทึกคำให้การเอกสารหมาย จ.2 และได้ความชัดว่าถังน้ำดังกล่าวราคาใบละ 1,775 บาท แต่จำเลยรับซื้อไว้ในราคาเพียงใบละ 400 บาทถูกกว่าราคาเดิมอย่างมากผิดปกติวิสัยจนน่าสงสัย ทั้งเป็นสิ่งของที่ไม่มีขายในท้องตลาดทั่วไป จากพฤติการณ์ดังกล่าวรับฟังได้ว่าจำเลยรับถังน้ำของกลางไว้โดยรู้ว่าเป็นทรัพย์อันได้มาจากการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ ที่จำเลยนำสืบต่อสู้ว่าจำเลยรับถังน้ำของกลางไว้โดยเข้าใจว่าไม่ใช่ของที่ถูกลักมา ไม่มีเหตุผลให้รับฟังได้

 คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 187/2541

รถยนต์กระบะของกลางมีสภาพเป็นรถใหม่ผู้เสียหายซื้อมาก่อนเกิดเหตุ 5 เดือน ราคา 335,000 บาท แต่ขณะที่จำเลยรับซื้อรถยนต์กระบะของกลางปรากฏว่าไม่มีกุญแจและบริวารกุญแจไขประตูและกุญแจสตาร์ทชำรุด ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ป้ายวงกลมและหลักฐานการทำประกันภัยก็ไม่มีที่รถ ในชั้นจับกุมและสอบสวนจำเลยให้การรับสารภาพว่าได้รับซื้อรถยนต์กระบะของกลางไว้ในราคา 80,000 บาท ดังนี้ ตามพฤติการณ์พยานหลักฐานโจทก์ฟังได้ว่าจำเลยรับซื้อรถยนต์กระบะของกลางโดยรู้ว่าเป็นทรัพย์อันได้มาโดยการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ จำเลยจึงมีความผิดฐานรับของโจร

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10288/2554

พฤติการณ์ของจำเลยที่ซื้อรถจักรยานยนต์ดังกล่าวมาในสภาพที่มีร่องรอยการขูดลบแก้ไขหมายเลขเครื่องยนต์และหมายเลขตัวถังรถ ไม่มีแผ่นป้ายทะเบียน ไม่ติดแผ่นป้ายวงกลมแสดงการเสียภาษี และไม่ได้สมุดคู่มือจดทะเบียน ซึ่งเป็นสภาพที่ผิดปกติจากการซื้อขายรถจักรยานยนต์ทั่วไป จึงเป็นเครื่องบ่งชี้ให้เห็นว่าจำเลยไม่ได้ซื้อไว้โดยสุจริต และย่อมรู้ว่าเป็นรถจักรยานยนต์ที่ได้มาจากการกระทำความผิด

4.ลักษณะผู้ขายมีข้อพิรุธหรือไม่

ลักษณะของผู้ขายมีพิรุธหรือไม่ เช่น ของที่นำมาขายนั้นเกินฐานะ ผิดปกติที่จะมีของเช่นั้นมาขาย พิจารณาจากอายุ อาชีพ รูปลักษณ์ภายนอก  ไม่ได้ขายของเป็นอาชีพ ไม่ประกาศขายอย่างเปิดเผย หรือเ้ป็นในทางตรงข้าม

ประเด็นถามค้านและนำสืบ

– ถามให้เห็นว่าลักษณะสินค้าที่เอามาขาย สอดคล้องกับสภาพ ของผู้ขาย

-คนขายขายของประเภทนั้นเป็นอาชีพอยู่แล้ว

-ของแบบนั้นไม่เกินฐานะคนที่มาขาย

-คนขายมีสตอรี่มีเรื่องเล่า ที่น่าเชื่อถือประกอบกับการขาย

-ลักษณะโปรไฟล์ผู้ขายเป็นการเปิดเผย ไม่ใช่ใช้ Facebook ปลอม หรือ LINE ปลอมมาขาย

-มีการโพสต์ประกาศขายใน กลุ่มหรือโพสต์facebook มาโดยเปิดเผย

ตัวอย่างคำพิพากษาศาลฎีกา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1928/2534 ซื้อจากคนประกอบอาชีพค้าขายทรัพย์ประเภทนะเน

ได้ความว่านางสาวรุ่งนภาเป็นพนักงานขายของโจทก์ร่วม มีหน้าที่ไปติดต่อขายสินค้าของโจทก์ร่วมให้ลูกค้าโดยทั่วไป สินค้าที่นางสาวรุ่งนภาฉ้อโกงจากโจทก์ร่วมแล้วนำไปขายให้จำเลยนั้นนางสาวรุ่งนภาไปติดต่อขายให้จำเลยที่ร้านค้าของจำเลย โดยมีพนักงานส่งของของโจทก์ร่วมเป็นผู้นำสินค้าไปส่งที่ร้านค้าของจำเลยจำเลยซื้อสินค้าจากนางสาวรุ่งนภาเป็นเงินสด โดยบางครั้งชำระให้เป็นเงินสด บางครั้งชำระให้เป็นเช็ค

เมื่อนายประสงค์พันตำรวจตรีชัชวาลย์ และร้อยตำรวจเอกรังสรรค์ ร่วมกันไปยึดสินค้าของกลางจากจำเลย สินค้าของกลางบางส่วนตั้งวางขายอยู่หน้าร้านค้าของจำเลยโดยเปิดเผย บางส่วนบรรจุในกล่องกระดาษวางอยู่ในร้านค้าและที่โกดังเก็บสินค้าของจำเลย ซึ่งตามพฤติการณ์ของจำเลยดังได้ความจากคำเบิกความของพยานโจทก์และโจทก์ร่วมดังกล่าวไม่มีสิ่งที่ส่อแสดงให้เห็นว่าจำเลยได้รับซื้อสินค้าของโจทก์ร่วมไว้จากนางสาวรุ่งนภาโดยจำเลยรู้ว่าเป็นสินค้าของโจทก์ร่วมที่นางสาวรุ่งนภาได้มาจากการกระทำความผิดฐานฉ้อโกง

ส่วนข้อที่ว่าสินค้าของโจทก์ร่วมที่จำเลยรับซื้อไว้จากนางสาวรุ่งนภามีจำนวนมากนั้น เห็นว่า จำเลยประกอบอาชีพค้าขาย นอกจากสินค้าของโจทก์ร่วมที่จำเลยรับซื้อไว้จากนางสาวรุ่งนภาแล้วจำเลยยังขายสินค้าอื่นอีกหลายอย่างโดยขายปลีกในร้านค้าของจำเลย และขายส่งนั้นในกรุงเทพมหานครกับในต่างจังหวัด การที่จำเลยรับซื้อสินค้าของโจทก์ร่วมไว้จากนางสาวรุ่งนภาเป็นจำนวนมากดังกล่าวจึงมิใช่เป็นเรื่องผิดปกติในทางการค้าของจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8816/2563

ลำพังพฤติการณ์ที่ได้ความว่า จำเลยรับซื้อทองคำที่มีการหลอมมาก่อนเป็นจำนวนมากก็ไม่อาจรับฟังได้ถึงขนาดที่ว่าจำเลยซื้อทองคำดังกล่าวโดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นทรัพย์ที่ได้จากการกระทำความผิดข้อหาลักทรัพย์ เนื่องจากจำเลยเป็นผู้ดูแลห้างขายทองไล้เซ่งเฮงของนางมณีซึ่งได้รับอนุญาตให้ประกอบอาชีพค้าของเก่า ประเภทเพชร ทอง การที่จำเลยรับซื้อทองคำจากนายวัชรินทร์เป็นจำนวนมากดังกล่าวจึงมิใช่เรื่องผิดปกติทางการค้าของจำเลย ประกอบกับการซื้อขายทองคำดังกล่าวกระทำโดยเปิดเผยในเวลาทำการของร้าน โดยไม่มีการปิดบังหรือซุกซ่อนแต่อย่างใด ทั้งยังได้ความว่านายวัชรินทร์มีอาชีพหลอมทองและมีโรงงานหลอมทองเป็นของตัวเอง ก่อนเกิดเหตุนายวัชรินทร์นำทองคำไปให้จำเลยตรวจสอบความบริสุทธิ์ของทองคำที่ร้านของจำเลยเป็นประจำโดยนายวัชรินทร์เบิกความตอบทนายจำเลยถามค้านว่า ขณะนำทองคำไปขายให้แก่จำเลยนั้น พยานอ้างแก่จำเลยว่าเป็นทองคำที่พยานสะสมไว้ นอกจากนี้ยังได้ความจากร้อยตำรวจเอกดำรงศักดิ์ พนักงานสอบสวน เบิกความตอบทนายจำเลยถามค้านว่า การที่จำเลยรับซื้อทองคำในคดีนี้นั้นเป็นราคาตามท้องตลาดซึ่งเป็นไปตามที่สมาคมค้าทองคำระบุไว้โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีการระบุรายละเอียดการซื้อขายทองคำดังกล่าวไว้ในสมุดบัญชีคุมรายการขายทอดตลาดและค้าของเก่า รวมทั้งมีการจัดทำหลักฐานใบรับซื้อทองเก่าที่แนบสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของนายวัชรินทร์ไว้ ข้อเท็จจริงจึงเชื่อว่าจำเลยรับซื้อทองคำของโจทก์ไว้โดยไม่รู้ว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำความผิดข้อหาลักทรัพย์

 คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6771/2542 คนเอาอาวุธปืนมาจำนำเป็นเด็กอายุเพียง 16 ปี

อาวุธปืนของกลางเป็นอาวุธปืนมีทะเบียน ผู้ที่จะครอบครองได้จะต้องเป็นผู้ที่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนดังกล่าวเท่านั้น ดังนั้น แม้ผู้เสียหายซึ่งเป็นเจ้าของและเป็นผู้ได้รับอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนดังกล่าวจะนำอาวุธปืนนั้นไปจำนำไว้กับจำเลยเองก็ไม่สามารถกระทำได้ เพราะจำเลยไม่ได้รับอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนดังกล่าว หากจำเลยยอมรับจำนำไว้แม้โดยสุจริตก็เป็นการไม่บังควรเพราะเป็นการเสี่ยงต่อการถูกจับกุมดำเนินคดี การที่จำเลยอ้างว่ารับจำนำอาวุธปืนของกลางซึ่งถูกคนร้ายลักไปไว้จาก ต. ซึ่งมีอายุเพียง 16 ปี และไม่เคยรู้จักกับจำเลยมาก่อน โดยมิได้ขอดูหลักฐานใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนของบิดา ต. และรับจำนำไว้ในราคาเพียง 3,500 บาท ทั้งที่จำเลยนำไปขายต่อยังได้ราคาถึง 10,000 บาท แสดงว่าจำเลยรับจำนำไว้ในราคาที่ต่ำผิดปกติและมีพิรุธ ทั้งอาวุธปืนดังกล่าวมีร่องรอยการขูดลบหมายเลขทะเบียนไม่สามารถอ่านได้ แสดงว่าอาวุธปืนดังกล่าวถูกเปลี่ยนมือไปในลักษณะที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงมีการขูดลบหมายเลขทะเบียนเพื่อทำลายหลักฐานส่อให้เห็นว่าจำเลยรับอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนดังกล่าวไว้โดยรู้ว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำผิด จำเลยจึงมีความผิดฐานรับของโจร

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 427/2541

  รู้อยู่แล้วว่าคนเอามาขายเป็นคนเฝ้าบ่อปลา

  จำเลยที่ 2 มีบ้านอยู่ใกล้กับบ่อเลี้ยงปลาของผู้เสียหายและทราบดีว่า ป. เป็นคนเฝ้าบ่อปลาให้กับผู้เสียหาย ดังนั้นการที่ป. นำปลาดุก เลี้ยงจำนวนมากถึง 42 กิโลกรัมมาขายให้แก่จำเลยที่ 2 ในเวลาวิกาลประมาณ 4 นาฬิกา และขายในราคา ต่ำเพียงกิโลกรัมละ 8 บาท ในขณะที่จำเลยที่ 2 สามารถนำไป ขายต่อได้ถึงกิโลกรัมละ 22 บาท เช่นนี้ย่อมเป็นพฤติการณ์ที่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าจำเลยที่ 2 ทราบว่า ป.ลักปลาดุก เลี้ยงของผู้เสียหายมา การที่จำเลยที่ 2 รับซื้อไว้จึงเป็นความผิดฐานรับของโจร

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7206/2540

เด็กเอาสุรามาขาย รู้จักเด็กดีอยู่แล้วรู้ว่าเด็กไม่สามารถจะหาสุรามาขายได้เองนอกจากไปลักมา

เด็กหญิง อ. มีนิสัยชอบลักขโมยซึ่งจำเลยก็ทราบดี บ้านผู้เสียหายก็อยู่ใกล้บ้านจำเลย เด็กหญิง อ. ไปมาหาสู่บ้านจำเลยบ่อย ๆ จำเลยจึงน่าจะทราบความเป็นไปในบ้านผู้เสียหายจากเด็กหญิง อ. เมื่อเด็กหญิง อ. ลักสุราต่างประเทศจากบ้านผู้เสียหายได้ก็น่าจะนำไปขายให้คนบ้านใกล้เรือนเคียงซึ่งล้วนแต่เป็นญาติกัน จำเลยควรจะทราบดีว่าสุราต่างประเทศไม่ใช่ของเด็กหญิง อ. แน่นอน การที่เด็กหญิง อ. เบิกความว่าได้ลักสุราต่างประเทศของผู้เสียหายไปขายแก่จำเลย 5 ขวด แม้จะเป็นการซัดทอด แต่ก็มีพยานอื่นและเหตุผลประกอบจึงรับฟังได้ เชื่อได้ว่าจำเลยได้รับซื้อสุราต่างประเทศที่เด็กหญิง อ. ลักมาจากบ้านผู้เสียหายโดยรู้ว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำผิด จำเลยจึงมีความผิดฐานรับของโจร

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2439/2539

จำเลยฎีกาข้อต่อไปว่า การที่จำเลยซื้อสุราจากผู้นำมาจำหน่ายในราคาถูกยังไม่พอฟังว่าจำเลยรู้ว่าเป็นสุราที่ถูกลักมานั้น นายดาบตำรวจประเสริฐศักดิ์วงษ์แสวง และจ่าสิบตำรวจสันติ บุตรวงศ์ พยานโจทก์เบิกความว่าจากการตรวจค้นที่บ้านจำเลยพบสุราขนาดบรรจุขวด 4.5 ลิตร11 ขวด ที่โรงรถโดยมีลักษณะการอำพรางใช้กระสอบปิดบังไว้ จำเลยให้การในชั้นสอบสวนว่า จำเลยไปขนสุรากับนายสมบูรณ์เวลาใกล้ค่ำประมาณ 18 นาฬิกา ที่บริเวณหน้าโรงเก็บสินค้าเลิศพัฒนา ซึ่งในบริเวณนั้นไม่มีผู้ใดอยู่และสุราที่ไปขนมีจำนวนมาก โดยนายสมบูรณ์อ้างว่าซื้อสุราดังกล่าวมา ทั้งที่นายสมบูรณ์มีอาชีพรับจ้าง นายสมบูรณ์มอบสุราให้จำเลยไปขายจำนวนมากทั้ง ๆ ที่จำเลยไม่ได้ให้หลักประกันแก่นายสมบูรณ์ไว้แต่อย่างใด จำเลยเองก็นำสุราดังกล่าวไปขายให้นายกฤษทั้ง ๆ ที่นายกฤษแจ้งว่ายังไม่มีเงินชำระให้แก่จำเลย เห็นว่าจากพฤติการณ์ดังกล่าวฟังได้ว่าจำเลยรู้ว่าสุราดังกล่าวเป็นทรัพย์ที่ถูกลักมา เมื่อจำเลยช่วยนำไปจำหน่าย จำเลยจึงมีความผิดฐานรับของโจร ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น”

5.เป็นสินค้าที่มีทะเบียนหรือไม่

หากเป็นสินค้าที่สามารถตรวจสอบทะเบียนได้ แต่จำเลยไม่ตรวจสอบ อาจเป็นพฤติการณ์ที่แสดงถึงเจตนาไม่ดี แต่หากเป็นสินค้าที่ไม่มีทะเบียน เช่น พระเครื่อง ก็อาจยากต่อการตรวจสอบ

ประเด็นถามค้านและนำสืบ

-ถามให้เห็นชัดเจนว่า เป็นสินค้ามีทะเบียนหรือไม่มีทะเบียน

-ถามค้านให้เห็นว่าเป็นสินค้าที่ยากจะตรวจสอบว่าเป็นของใคร

ตัวอย่างคำพิพากษาศาลฎีกา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10288/2554

พฤติการณ์ของจำเลยที่ซื้อรถจักรยานยนต์ดังกล่าวมาในสภาพที่มีร่องรอยการขูดลบแก้ไขหมายเลขเครื่องยนต์และหมายเลขตัวถังรถ ไม่มีแผ่นป้ายทะเบียน ไม่ติดแผ่นป้ายวงกลมแสดงการเสียภาษี และไม่ได้สมุดคู่มือจดทะเบียน ซึ่งเป็นสภาพที่ผิดปกติจากการซื้อขายรถจักรยานยนต์ทั่วไป จึงเป็นเครื่องบ่งชี้ให้เห็นว่าจำเลยไม่ได้ซื้อไว้โดยสุจริต และย่อมรู้ว่าเป็นรถจักรยานยนต์ที่ได้มาจากการกระทำความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 113/2566

จำเลยให้ ม. กู้ยืมเงิน 80,000 บาท โดย ม. ส่งรถแทรกเตอร์ของโจทก์ร่วมให้แก่จำเลยยึดไว้เป็นประกันการชำระหนี้ อันเป็นการรับจำนำ และเมื่อ ม. เคยนำรถยนต์กระบะไปจำนำเป็นประกันการชำระหนี้ที่ ม. กู้ยืมเงินจำเลย 60,000 บาท ครั้งนั้นจำเลยตรวจสอบเอกสารการจดทะเบียนกรรมสิทธิ์เจ้าของรถ อันเป็นปกติของการประกอบกิจการค้าขายรถยนต์มือสองมาประมาณ 20 ปี แต่การรับจำนำรถแทรกเตอร์ของจำเลยในวันเกิดเหตุ จำเลยกลับไม่ได้ขอดูเอกสารเกี่ยวกับรถแทรกเตอร์และไม่ได้ทำสัญญากู้ยืมเงินกัน การไม่ตรวจสอบทางทะเบียนเพื่อทราบถึงบุคคลผู้เป็นเจ้าของที่แท้จริงก่อน เป็นการผิดปกติวิสัยการรับจำนำหรือซื้อขายโดยสุจริตทั่วไป ตามพฤติการณ์แสดงว่าจำเลยต้องรู้ดีว่ารถแทรกเตอร์ที่จำเลยรับจำนำไว้นั้นเป็นทรัพย์ที่ ม. เช่าชื้อมาและอยู่ระหว่างระยะเวลาตามสัญญา ซึ่ง ม. ไม่มีสิทธินำไปแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย เข้าลักษณะกระทำความผิดฐานยักยอก จำเลยจึงมีความผิดฐานรับของโจร

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3727/2538

จำเลยรับซื้อรถจักรยานยนต์ของกลางไว้ตั้งแต่ปี 2532 และใช้รถคันดังกล่าวตลอดมา (ถูกจับกุมปี 2535) โดยใช้แผ่นป้ายทะเบียนรถปลอม กับสำเนาป้ายวงกลมแสดงการเสียภาษีปลอม โดยมิได้ติอต่อทำการโอนและแก้ไขแผ่นป้ายทะเบียนและป้ายวงกลมแสดงการเสียภาษีให้ถูกต้อง จึงเป็นการปกปิดซ่อนเร้นมิให้ผู้อื่นทราบว่าเป็นรถจักรยานยนต์ที่ได้มาจากการกระทำผิดฐานลักทรัพย์ อันเป็นความผิดฐานรับของโจรตามฟ้อง

6.ราคาที่ซื้อขายเทียบกับท้องตลาด

ราคาที่รับซื้อมานั้น แตกต่างจากราคาท้องตลาดทั่วไปหรือไม่ ?

หากรับซื้อในราคาที่ต่ำกว่าปกติมาก อาจเป็นข้อพิรุธบ่งชี้ว่าจำเลยรู้อยู่แล้วว่าทรัพย์นั้นได้มาจากการกระทำความผิด

อย่างไรก็ตาม ผู้เสียหายมักจะตีราคาทรัพย์สินเกินกว่าความจริงอยู่เสมอ จะมากหรือน้อยแล้วแต่บุคคล

ดังนั้นเราจะต้องหาราคาที่แท้จริง ณ.วันเวลาเกิดเหตุของสินค้าให้ได้

โดยต้องพิจารณาปัจจัยประกอบอื่นๆ ด้วย เช่น สภาพ ความเก่าใหม่ ความหายาก และความนิยมของสินค้า

โดยเฉพาะสินค้าที่มีคุณค่าทางจิตใจ เช่น พระเครื่อง งานศิลปะ อาจกำหนดราคายาก

ถามค้านและนำสืบในประเด็นดังต่อไปนี้

-วิธีการกำหนดราคา / ราคาเกินจริงไหม

-มาตรฐานในการกำหนดราคา  / เป็นสากลแค่ไหน

-สภาพ อายุการใช้งาน ตำหนิ และคุณลักษณะของสินค้า

-การรับประกันที่คงเหลือ

-ราคาขึ้นลงตามเวลา

ยกตัวอย่าง  มือถือตอนซื้อกับตอนขาย / พระเครื่องจตุคาม

-ปัจจัยทุกอย่างที่มีผลต่อการกำหนดราคา

ตัวอย่างคำพิพากษาศาลฎีกา

ศาลฎีกาที่ 1221/2533

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่จะฟังว่าจำเลยกระทำผิดฐานรับของโจรในคดีนี้ได้นั้น โจทก์จะต้องนำสืบให้ได้ความว่า จำเลยรับซื้อรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวไว้โดยรู้ว่าเป็นรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายไปขายให้แก่จำเลยในราคา 370 บาท แม้โจทก์จะนำสืบว่ารถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายมีราคา 1,900 บาท จำเลยรับซื้อรถจักรยานยนต์คันนั้นในราคา 370 บาท แต่ก็ไม่ได้ความว่ารถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายซื้อมานานเท่าใด และมีสภาพเก่าใหม่อย่างไร ที่จำเลยรับซื้อในราคา 370 บาท นั้นเป็นราคาที่สมควรหรือไม่เพียงใด ร้อยตำรวจโทชูชาติ ด้วงแสง พยานโจทก์ซึ่งเป็นผู้จับกุมจำเลยเบิกความว่า จับกุมจำเลยและยึดรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวเป็นของกลางซึ่งก็ไม่ได้ความว่าได้ไปพบรถจักรยานยนต์ที่จำเลยรับซื้อไว้ในลักษณะเป็นการปิดบังซ่อนเร้นหรือไม่อย่างไร จึงไม่มีพฤติการณ์ใดที่แสดงว่า จำเลยรับซื้อรถจักรยานยนต์คันนี้ไว้โดยรู้ว่าเป็นรถจักรยานยนต์ที่ถูกลักมา พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบรับฟังลงโทษจำเลยฐานรับของโจรไม่ได้ กรณีไม่จำต้องวินิจฉัยคำพยานจำเลย

พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1928/2534

โจทก์กับโจทก์ร่วมมีเพียงนางสาวรุ่งนภาที่เบิกความกล่าวอ้างโดยไม่มีพยานหลักฐานอื่นมานำสืบสนับสนุนยังมีเหตุน่าสงสัยว่านางสาวรุ่งนภาได้ขายสินค้าของโจทก์ร่วมให้จำเลยในราคาต่ำกว่าที่โจทก์ร่วมตั้งราคาขายไว้ 50 ถึง 60 เปอร์เซ็นต์จริงหรือไม่

ทั้งยังเห็นด้วยว่าถึงหากจะฟังว่านางสาวรุ่งนภาได้ขายสินค้าของโจทก์ร่วมจำเลยในราคาต่ำกว่าที่โจทก์ร่วมตั้งราคาขายไว้ 50 ถึง 60 เปอร์เซนต์จริง ก็จะฟังว่าจำเลยได้รับซื้อสินค้าของโจทก์ร่วมไว้จากนางสาวรุ่งนภาโดยรู้ว่าเป็นสินค้าที่นางสาวรุ่งนภาได้มาจากการกระทำความผิดฐานฉ้อโกงไม่ได้ เพราะโจทก์ร่วมจะตั้งราคาขายสินค้าไว้อย่างไรและลดราคาให้ผู้ซื้อได้มากน้อยเพียงใด เป็นเรื่องที่โจทก์ร่วมกำหนดขึ้นเอง

โดยจากพยานหลักฐานของโจทก์และโจทก์ร่วมก็ไม่ปรากฎว่าจำเลยได้รู้ถึงราคาที่โจทก์ร่วมได้กำหนดไว้ดังกล่าวพยานหลักฐานของโจทก์และโจทก์ร่วม

ได้ความดังนี้ประกอบกับจำเลยให้การและนำสืบปฎิเสธว่า จำเลยรับซื้อสินค้าของโจทก์ร่วมไว้จากนางสาวรุ่งนภาโดยจำเลยไม่รู้ว่าเป็นสินค้าที่นางสาวรุ่งนภาได้มาจากการกระทำความผิดฐานฉ้อโกงข้อเท็จจริงเชื่อได้ว่าจำเลยได้รับซื้อสินค้าของโจทก์ร่วมไว้จากนางสาวรุ่งนภาโดยสุจริต ไม่รู้ว่าเป็นสินค้าที่นางสาวรุ่งนภาได้มาจากการกระทำความผิดทางอาญา คดีฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้กระทำความผิดฐานรับของโจรดังฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4901/2536

มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยในชั้นนี้มีว่าจำเลยกระทำผิดฐานรับของโจทก์หรือไม่ โดยโจทก์ฎีกาว่าจำเลยรับซื้อกล้องถ่ายรูปดังกล่าวจากนายสุวัฒน์ซึ่งจำเลยรู้จักแต่เพียงผิวเผินในฐานะที่เป็นลูกค้าคนหนึ่งของร้านอาหารนางสาวเพ็ญนีพี่สาวจำเลย มิได้ซื้อในร้านค้าหรือสถานที่ที่จำหน่ายกล้องถ่ายรูปตามปกติทั่ว ๆ ไปและซื้อไว้ในราคาเพียง5,500 บาท ขณะที่กล้องดังกล่าวมีราคา 9,000-10,000 บาทแสดงว่าจำเลยรับซื้อโดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำผิดฐานลักทรัพย์นั้น เห็นว่า ในปัญหานี้จำเลยนำสืบว่านายสุวัฒน์เป็นช่างถ่ายรูปนอกสถานที่สะพายกล้องถ่ายรูปมาที่ร้านอาหารของพี่สาวจำเลยบ่อย ๆ และมีอยู่หลายกล้องเสนอขายกล้องในราคา 7,000 บาทและเป็นกล้องเก่าแล้ว เพราะจะเห็นได้จากตั๋วรับจำนำเอกสารหมาย จ.6 ระบุว่าเป็นกล้องที่ชำรุดกะเทาะและจำนำได้เพียง 2,800 บาท เท่านั้น การที่จำเลยต่อรองราคาเหลือ 5,500 บาท จึงเป็นราคาพอสมควรตามสภาพของกล้องไม่ต่ำกว่าราคาท้องตลาดมากนักและเป็นการซื้อขายโดยเปิดเผยที่ร้านอาหาร มิได้ปิดบังซ่อนเร้นแต่อย่างใด เมื่อซื้อมาแล้วจำเลยก็นำไปใช้โดยเปิดเผยและให้ญาติพี่น้องยืมไปใช้อีกด้วย พฤติการณ์ต่าง ๆ ของจำเลยที่นำสืบมาดังกล่าวนั้นแสดงให้เห็นว่าจำเลยซื้อกล้องถ่ายรูปจากนายสุวัฒน์ด้วยความบริสุทธิ์ใจ โดยสุจริตและโดยไม่รู้ว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำผิดฐานลักทรัพย์จำเลยจึงหามีความผิดฐานรับของโจรไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8087/2553

คงมีปัญหาต้องวินิจฉัยในชั้นนี้ว่า จำเลยรับซื้อไว้โดยสุจริตไม่รู้ว่าเป็นทรัพย์ที่ถูกลักมาตามที่จำเลยฎีกาหรือไม่ เห็นว่า ข้อเท็จจริงได้ความว่าบริษัทซีโร่ – จี จำกัด เช่าเครื่องกำเนิดไฟฟ้าทั้งสองเครื่องจากผู้เสียหายเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2542 ซึ่งเป็นเวลาก่อนเกิดเหตุเพียง 1 เดือนเศษ โดยประเมินราคาเครื่องกำเนิดไฟฟ้าทั้งสองเครื่องไว้รวมกันเป็นมูลค่า 900,000 บาท ทั้งจำเลยเองก็เบิกความรับว่า ในวันที่จำเลยไปตรวจสอบสภาพเครื่องกำเนิดไฟฟ้าดังกล่าว ดาบตำรวจสุโกมลเสนอขายเครื่องกำเนิดไฟฟ้าทั้งสองเครื่องแก่จำเลยในราคา 700,000 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ใกล้เคียงกับที่ผู้เสียหายประเมินราคาไว้ นอกจากนี้ยังปรากฏจากคำให้การในชั้นสอบสวนของนายพิสิฐว่า ก่อนเกิดเหตุพยานกับจำเลยเคยเดินทางผ่านบริษัทซีโร่ – จี จำกัด จำเลยชี้ให้พยานดูเครื่องกำเนิดไฟฟ้าของกลางและบอกว่า หากพยานลักมาทาสีใหม่แล้วขายให้จำเลย จำเลยจะรับซื้อในราคาไม่ต่ำกว่า 300,000 บาทเศษ หลังจากที่พยานลักเครื่องกำเนิดไฟฟ้าทั้งสองเครื่องได้แล้ว พยานได้ทาสีใหม่ทับสีเดิมและบอกขายให้จำเลย จำเลยตรวจดูเครื่องกำเนิดไฟฟ้าดังกล่าวแล้วจำได้ว่าเป็นเครื่องกำเนิดไฟฟ้าที่จำเลยเคยเห็นอยู่ที่บริษัทซีโร่ – จี จำกัด และรู้ดีว่าพยานลักเครื่องกำเนิดไฟฟ้าทั้งสองเครื่องมาจากบริษัทนั้น จำเลยจึงรับซื้อไว้ในราคาถูกกว่าปกติ คำให้การในชั้นสอบสวนของนายพิสิฐเป็นพยานหลักฐานสำคัญที่แสดงให้เห็นว่า จำเลยรับซื้อเครื่องกำเนิดไฟฟ้าทั้งสองเครื่องโดยรู้อยู่ว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการลักทรัพย์ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 นำข้อเท็จจริงตามคำให้การในชั้นสอบสวนของนายพิสิฐมาคำนึงประกอบกับพฤติการณ์ที่จำเลยซื้อเครื่องกำเนิดไฟฟ้าของกลางในราคาถูกกว่าที่ควรแล้วเชื่อว่าจำเลยซื้อไว้โดยรู้อยู่ว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการลักทรัพย์ ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย

 7.รับซื้อของเป็นอาชีพหรือไม่

หากจำเลยมีอาชีพรับซื้อของประเภทนั้นๆ ย่อมมีความรู้ ความชำนาญ และประสบการณ์ ที่จะแยกแยะ ตรวจสอบ และประเมินราคาสินค้า รวมถึงรู้ข้อพิรุธต่างๆ ซึ่งอาจเป็นทั้งข้อดีและข้อเสียในการต่อสู้คดี ข้อดีคือ การรับซื้อเป็นเรื่องปกติวิสัย ข้อเสียคือ จำเลยควรจะรู้ว่าสินค้าที่รับซื้อมานั้น ได้มาโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่

ประเด็นที่ถามค้านและนำสืบ

-ถามค้านให้เห็นว่าเป็นปกติที่จำเลยจะต้องรับซื้อเพราะเป็นอาชีพของจำเลย

-ถามค้าน-นำสืบ กรณีได้รับใบอนุญาตให้ซื้อขายของเก่า ตามกฎหมาย

-ถามค้านว่าการรับซื้อจำนวนมากไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะเป็นการซื้อมาขายไปปกติ

-ถามค้านว่าจะต้องรับซื้อราคาต่ำเป็นปกติของพ่อค้า ที่ต้องทำกำไร

-ถามให้เห็นว่าถ้าไม่ใช่อาชีพปกติทำไมเราถึงรับซื้อมีเหตุผลอะไรเป็นพิเศษ

ตัวอย่างคำพิพากษาศาลฎีกา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8816/2563

ลำพังพฤติการณ์ที่ได้ความว่า จำเลยรับซื้อทองคำที่มีการหลอมมาก่อนเป็นจำนวนมากก็ไม่อาจรับฟังได้ถึงขนาดที่ว่าจำเลยซื้อทองคำดังกล่าวโดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นทรัพย์ที่ได้จากการกระทำความผิดข้อหาลักทรัพย์ เนื่องจากจำเลยเป็นผู้ดูแลห้างขายทองไล้เซ่งเฮงของนางมณีซึ่งได้รับอนุญาตให้ประกอบอาชีพค้าของเก่า ประเภทเพชร ทอง การที่จำเลยรับซื้อทองคำจากนายวัชรินทร์เป็นจำนวนมากดังกล่าวจึงมิใช่เรื่องผิดปกติทางการค้าของจำเลย ประกอบกับการซื้อขายทองคำดังกล่าวกระทำโดยเปิดเผยในเวลาทำการของร้าน โดยไม่มีการปิดบังหรือซุกซ่อนแต่อย่างใด ทั้งยังได้ความว่านายวัชรินทร์มีอาชีพหลอมทองและมีโรงงานหลอมทองเป็นของตัวเอง ก่อนเกิดเหตุนายวัชรินทร์นำทองคำไปให้จำเลยตรวจสอบความบริสุทธิ์ของทองคำที่ร้านของจำเลยเป็นประจำโดยนายวัชรินทร์เบิกความตอบทนายจำเลยถามค้านว่า ขณะนำทองคำไปขายให้แก่จำเลยนั้น พยานอ้างแก่จำเลยว่าเป็นทองคำที่พยานสะสมไว้ นอกจากนี้ยังได้ความจากร้อยตำรวจเอกดำรงศักดิ์ พนักงานสอบสวน เบิกความตอบทนายจำเลยถามค้านว่า การที่จำเลยรับซื้อทองคำในคดีนี้นั้นเป็นราคาตามท้องตลาดซึ่งเป็นไปตามที่สมาคมค้าทองคำระบุไว้โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีการระบุรายละเอียดการซื้อขายทองคำดังกล่าวไว้ในสมุดบัญชีคุมรายการขายทอดตลาดและค้าของเก่า รวมทั้งมีการจัดทำหลักฐานใบรับซื้อทองเก่าที่แนบสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของนายวัชรินทร์ไว้ ข้อเท็จจริงจึงเชื่อว่าจำเลยรับซื้อทองคำของโจทก์ไว้โดยไม่รู้ว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำความผิดข้อหาลักทรัพย์

 

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5439/2540 รับซื้อพระจะต้องรู้อยู่แล้วว่าเป็นพระเก่า

จำเลยที่ 1 ประกอบกิจการหล่อโลหะและหล่อพระพุทธรูปมานานถึง 20 ปี น่าจะรู้ว่าพระของกลางเป็นรูปหล่อโลหะเก่าที่สร้างมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 เนื้อโลหะเก่ามีลักษณะแตกต่างจากโลหะที่หล่อใหม่อย่างเห็นได้ชัด ข้ออ้างของจำเลยที่ 1 ที่ว่า นำไปทาน้ำยาฝังดินเพื่อให้เกิดสนิมทำให้ดูเป็นของเก่าจึงฟังไม่ขึ้น ทั้งเมื่อพิเคราะห์ถึงพระของกลางมีราคาถึง 300,000 บาท แต่จำเลยที่ 1 รับซื้อไว้ในราคาเพียง 15,000 บาท และจำเลยที่ 1 ไม่สามารถนำตัวผู้ขายมาเบิกความต่อศาลสนับสนุนข้อต่อสู้ของตนได้พฤติการณ์ของจำเลยที่ 1 ฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 รับซื้อพระของกลางไว้โดยรู้ว่าเป็นทรัพย์อันได้มาโดยการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ จำเลยที่ 1 มีความผิดฐานรับของโจร

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8481/2544 คดีเพชรซาอุ

จำเลยที่ 4 มีอาชีพเป็นพ่อค้าขายเครื่องประดับประเภทเพชร พลอย เงิน ทอง นาก และนาฬิกา ได้รับใบอนุญาตให้ค้าของเก่าจำเลยที่ 4 ซื้อทรัพย์สินของกลางทั้ง 16 รายการมาจากจำเลยที่ 3เป็นมูลค่านับสิบล้านบาท แสดงว่าจำเลยที่ 4 ย่อมทราบดีว่าทรัพย์สินของกลางทั้ง 16 รายการเป็นทรัพย์สินที่มีราคาสูงและหาซื้อไม่ได้ในท้องตลาดทั่วไป และย่อมทราบดีว่าทรัพย์สินของกลางได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย พฤติการณ์น่าเชื่อว่าจำเลยที่ 4 ทราบว่าทรัพย์สินของกลางเป็นทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์จึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 357 วรรคแรก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 528/2550

จำเลยรับซื้อทรัพย์ของกลางโดยมีข้อพิรุธหลายประการ จำเลยนำสืบว่ารับซื้อทรัพย์ของกลางโดยสุจริต เห็นว่า ทรัพย์ของกลางที่ยึดได้จากจำเลยเป็นบานประตูไม้สักที่มีแบบรูปทรงสี่เหลี่ยมและเป็นบานโค้ง ซึ่งปกติต้องติดตั้งกับวงกบไม้ ได้ความจากโจทก์ร่วมว่า โจทก์ร่วมสั่งทำบานประตูดังกล่าวเป็นพิเศษมีขนาดใหญ่กว่าบานประตูทั่วไป วงกบที่ติดตั้งบานประตูของกลางจึงมีขนาดแตกต่างไปจากวงกบทั่วไปเช่นกัน หากผู้นำบานประตูของกลางมาขายให้จำเลยเนื่องจากได้รับเหมาทุบตึกมาจริงดังที่จำเลยให้การไว้ในชั้นสอบสวนก็ควรต้องมีวงกบคู่มากับบานประตูดังกล่าว โดยจำเลยผู้มีอาชีพค้าไม้เก่ามานานนับสิบปีย่อมต้องทราบข้อเท็จจริงนี้ การที่จำเลยรับซื้อบานประตูไม้สักของกลางโดยไม่มีวงกบประกอบมาด้วย จึงเป็นข้อส่อพิรุธ นอกจากนี้ แม้บานประตูและลูกกรงที่ยึดคืนมาจะผ่านการใช้งานแล้ว แต่ยังใหม่และมีสภาพดี ซึ่งจำเลยบอกขายโจทก์ร่วมในราคาหลายหมื่นบาท แต่จำเลยกลับซื้อทรัพย์ของกลางมาจากชายแปลกหน้าในยามวิกาลในราคาไม่ถึงหมื่นบาทซึ่งเป็นราคาที่ต่ำกว่าราคาที่แท้จริงอยู่มาก ทั้งยังเป็นราคาที่จำเลยเป็นผู้กำหนดเองฝ่ายเดียวโดยกลุ่มชายผู้ขายให้จำเลยไม่ได้ร่วมกำหนดหรือต่อรองด้วย ส่อแสดงว่าจำเลยรู้อยู่ว่า อย่างไรเสีย ชายกลุ่มดังกล่าวต้องรีบร้อนและยอมขายทรัพย์ของกลางให้แก่จำเลย จึงเป็นข้อพิรุธอีกประการหนึ่งของจำเลย ดังนั้น พยานหลักฐานของโจทก์และโจทก์ร่วมฟังได้ว่า จำเลยรับซื้อทรัพย์จของกลางโดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นทรัพย์อันได้มาโดยการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3339/2552

เห็นได้ว่าจำเลยที่ 2 ประกอบอาชีพเป็นนายหน้าติดต่อซื้อขายสินค้าทั่วไปซึ่งโดยปกติแล้วย่อมต้องมีความรอบรู้เป็นพิเศษเกี่ยวกับแหล่งที่มาของทรัพย์สินว่าชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ มากกว่าบุคคลทั่วไป ประการสำคัญรถยนต์เป็นทรัพย์ที่มีราคาสูง และเป็นที่ทราบกันทั่วไปว่าปัจจุบันมีการประทุษร้ายต่อทรัพย์ประเภทนี้ซึ่งกระทำโดยพวกมิจฉาชีพเป็นจำนวนมาก ผู้ที่ทำธุรกรรมเกี่ยวข้องกับทรัพย์ประเภทดังกล่าวย่อมต้องตรวจสอบเอกสารหลักฐานต่างๆ ของรถยนต์ เพื่อทราบถึงบุคคลผู้เป็นเจ้าของที่แท้จริงและแหล่งที่มาของรถยนต์อันจะเป็นการป้องกันความเสียหายที่อาจมีขึ้น แต่การที่จำเลยที่ 2 รับรถยนต์กระบะของกลางไว้จากบุคคลที่อ้างว่าชื่อนายแขก กลับเป็นการกระทำกันในลักษณะเร่งรีบและรวบรัด ไม่มีการตรวจสอบเอกสารหลักฐานต่างๆ ของรถยนต์กระบะของกลางเพื่อทราบถึงบุคคลผู้เป็นเจ้าของที่แท้จริงและแหล่งที่มาของรถยนต์ก่อน เป็นการผิดปกติวิสัยของการทำธุรกรรมเกี่ยวกับรถยนต์โดยสุจริตทั่วไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1214/2531

จำเลยเป็นเจ้าของร้านซ่อมรถจักรยานยนต์และขายอะไหล่ จำเลยต้องทราบถึงราคาที่แท้จริงของหัวเทียนของกลาง ได้ความจากนายภิรมณ์ ตันติพาณิชย์กุล ผู้จัดการฝ่ายขายและการตลาดของผู้เสียหายว่า ผู้เสียหายขายหัวเทียนให้แก่ตัวแทนในราคาหัวละ 14 บาทเศษถึง 15 บาท ตามชนิดของหัวเทียน ดังนั้นราคาที่ตัวแทนขายส่งให้แก่ร้านค้าต้องสูงกว่าราคาดังกล่าวตามที่จำเลยนำสืบว่า จำเลยรับซื้อในราคา 13 บาท จึงเป็นราคาที่ต่ำกว่าราคาที่ผู้เสียหายขายให้แก่ตัวแทนเสียอีกยิ่งกว่านั้นที่ศาลอุทธรณ์คำนวณแล้วปรากฏว่า ความจริงจำเลยซื้อมาในราคาที่ต่ำกว่านั้นอีก คือในราคาประมาณหัวละ 9 บาทเท่านั้น ตรงตามราคาที่จำเลยให้การไว้ในชั้นสอบสวน ราคาที่จำเลยซื้อจริงจึงยิ่งต่ำกว่าราคาขายส่งในท้องตลาดมาก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5228/2554

จำเลยที่ 4 ได้ความว่าไม่ได้ประกอบกิจการซื้อขายรถจักรยานยนต์แต่เป็นผู้รับซื้อรถจักรยานยนต์ของกลาง ซึ่งเป็นรถใหม่เพิ่งจะให้เช่าซื้อไปในราคา 64,720 บาท โดยรับซื้อไว้ในราคาเพียง 19,500 บาท ต่ำกว่าราคาปกติมาก ทั้งเป็นการซื้อขายกันในลักษณะเร่งรีบและรวบรัด ไม่มีการตรวจสอบทางทะเบียนเพื่อทราบถึงบุคคลผู้เป็นเจ้าของที่แท้จริงก่อน เป็นการผิดปกติวิสัยการซื้อขายโดยสุจริตทั่วไป ฟังได้ว่าจำเลยที่ 4 รับซื้อรถจักรยานยนต์ของกลางไว้โดยรู้ว่าเป็นทรัพย์อันได้มาโดยการกระทำความผิดฐานฉ้อโกง

 8.สถานที่รับซื้อเป็นสถานที่ปกติหรือไม่

สถานที่รับซื้อมีความสำคัญ เช่น หากรับซื้อในตลาด ร้านค้า หรือแหล่งขายสินค้าโดยเฉพาะ ก็อาจถือว่าเป็นเรื่องปกติ แต่หากรับซื้อในสถานที่ เวลา หรือลักษณะที่ผิดปกติ เช่น รับซื้อในที่เปลี่ยว เวลากลางคืน หรือรับซื้อจากคนเร่ขาย ก็อาจเป็นข้อพิรุธ

ถามค้านหรือนำสืบให้เห็นว่า

-ถามค้านให้เห็นว่ารับซื้อในสถานที่ปกติ เช่นในตลาดที่ค้าขายประเภทนั้น

-เป็นการรับซื้อใน facebook หรือสถานที่เปิดทางอินเตอร์เน็ตอื่นๆ

-เป็นการรับซื้อในลักษณะปกติ

-เป็นการซื้อขายแบบเปิดเผยไม่ใช่แอบรับซื้อหรือซื้อรับซื้อในเวลาผิดปกติ

ตัวอย่างคำพิพากษาศาลฎีกา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9401/2538

เอาแหวนเพชรมาขายที่ร้านแผงลอย

ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า กล้องถ่ายรูปทั้งสองกล้องและแหวนเพชรทั้งสองวงเป็นทรัพย์ของผู้เสียหายที่ถูกนายอนันต์ลักไป และจำเลยที่ 1 ซื้อจากนายอนันต์ที่โรงรับจำนำรับจำนำกล้องถ่ายรูปทั้งสองในราคา 5,000 บาทและแหวนเพชร 2 วง ในราคา 15,000 บาท นั้น ก็เป็นราคาที่ต่ำกว่าราคาที่แท้จริงมาก แสดงว่าจำเลยที่ 1 ซื้อมาในราคาที่ต่ำมาก ประกอบกับกล้องถ่ายรูปและแหวนเพชรนั้น จำเลยที่ 1ย่อมจะทราบถึงฐานะของเจ้าของ การที่นายอนันต์นำไปขายให้แก่จำเลยที่ 1 ที่แผงลอยขายของจำเลยที่ 1 เช่นนี้ จึงฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 ทราบดีว่าทรัพย์ดังกล่าวเป็นของร้ายที่ได้มาจากการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ มิฉะนั้น นายอนันต์คงไม่นำไปขายในสถานที่เช่นนั้นและขายในราคาถูกกว่าราคาจริงมากจำเลยที่ 1 จึงมีความผิดฐานรับของโจร

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4753/2539

ปัญหาตามที่จำเลยทั้งสามฎีกาว่า จำเลยทั้งสามกระทำความผิดฐานรับของโจรหรือไม่ เห็นว่า จำเลยที่ 3 ทราบดีว่าเครื่องยนต์ที่ตนรับซื้อไว้ไม่ใช่ของนายพิมพ์เดชาผู้บอกขายหากแต่เป็นของบุคคลอื่น ทั้งสถานที่บอกขายก็เป็นคิวรถและขายกันในราคาเพียง 2,000 บาท อันมิใช่สถานที่มีการขายและขายในราคาต่ำ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1276/2530

ปัญหาว่าจำเลยรับซื้อโดยรู้อยู่ว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์หรือไม่ โจทก์มีนายศักดิ์ชัย อธิการโกวิทย์ ยืนยันว่าจำเลยซื้อของกลางไว้จากผู้ที่นำวิทยุเทปรถยนต์ 4 เครื่อง วางบนกระบะซึ่งใช้เชือกคล้องคอเดินเร่ขายในตลาดคลองเตยตอนบ่ายวันหนึ่งขณะจำเลยขายผ้าอยู่ที่แผงลอยท่ามกลางคนหลายคนมุงดู ก่อนซื้อจำเลยก็ถามผู้ขาย ผู้ขายบอกว่าของกลางเป็นของตน แสดงว่าการซื้อขายได้กระทำกันโดยเปิดเผย และสุจริตใจ

 9.พฤติการณ์ภายหลังรับซื้อ

พฤติการณ์ของจำเลยหลังจากรับซื้อ เช่น นำทรัพย์ไปซ่อนเร้น ดัดแปลง หรือทำลาย เพื่อปกปิดแหล่งที่มา อาจเป็นข้อพิรุธ แต่หากจำเลยนำทรัพย์ไปใช้ ขายต่อ หรือครอบครองอย่างเปิดเผย ก็อาจเป็นข้อต่อสู้ว่าจำเลยได้รับซื้อโดยสุจริต

ถามค้านหรือนำสืบให้เห็นว่า

-แสดงให้เห็นว่าเรารับซื้ออย่างเปิดเผย

-มีการประกาศขายต่อ

-มีการโพสต์แสดงใน facebook

-มีการใช้อย่างเปิดเผย

ตัวอย่างคำพิพากษาศาลฎีกา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 252/2536

จำเลยใช้รถยนต์ของกลางขับไปมาตามปกติ และโดยเปิดเผย ไม่ได้ซุกซ่อนหรือนำหลบหนีไปไหน ที่อยู่ของผู้เสียหายและจำเลยก็ไม่ห่างไกลกันมากนัก สามารถเดินทางไปมาถึงกันได้โดยสะดวก หากจำเลยรู้ว่ารถยนต์ของกลางเป็นรถที่ ส. ลักมา จำเลยไม่น่าจะกล้ารับไว้ใช้ในลักษณะเช่นนี้ โดยที่ไม่เกรงกลัวจะถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้กระทำผิดคงจะต้องเปลี่ยนแปลงซ่อมแซมสภาพรถให้ผิดไปจากเดิมทั้งหมด หาใช่ตัดเอาเฉพาะหมายเลขประจำคัสซี ของรถจำเลยมาเชื่อมต่อไว้และเป็นจุดที่ยากจะสังเกตได้เท่านั้นไม่ อีกทั้งไม่ปรากฏพยานหลักฐานใดของโจทก์ให้ฟังได้ว่าจำเลยมีส่วนเกี่ยวข้องในการเปลี่ยนแปลงแก้ไขหมายเลขดังกล่าว สำหรับจำเลยมี อ.ว.และช. เบิกความเป็นพยานต้องกันกับจำเลยว่าก่อนเกิดเหตุ ส. ยืมรถของจำเลยไปพลิกคว่ำเสียหาย จำเลยให้ ส.ซ่อมโดยเปลี่ยนสีรถใหม่เมื่อส. นำรถมาคืนสภาพรถโดยทั่วไปก็เหมือนกับเก่า ผิดกันเฉพาะสีเท่านั้น และ อ.พยานโจทก์ที่ขายรถให้จำเลยก็เบิกความยืนยันเช่นเดียวกัน จึงฟังได้ว่าจำเลยรับรถของกลางไว้โดยเชื่อว่าเป็นรถของจำเลยเอง หาได้รู้ว่าเป็นรถของโจทก์ร่วมที่ถูกคนร้ายลักมาไม่ จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานรับของโจร.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1935/2543

ทั้งเมื่อซื้อแล้วจำเลยได้นำไปไว้ยังบ้านญาติซึ่งอยู่ในสวนเพียงหลังเดียวจึงส่อไปในทำนองว่าจำเลยนำไปซ่อนเร้นไว้มิให้ผู้ใดทราบว่า รถจักรยานยนต์ของกลางอยู่ในความครอบครองของจำเลย ทั้งยังปรากฏว่าได้มีการถอดชิ้นส่วนของรถจักรยานยนต์ของกลางบางอย่างและแผ่นป้ายหมายเลขทะเบียนออกเป็นพิรุธว่าเตรียมดัดแปลงสภาพรถจักรยานยนต์ของกลางมิให้เจ้าของติดตามเอาคืน พฤติการณ์ของจำเลยแสดงว่าจำเลยได้ซื้อรถจักรยานยนต์ของกลางไว้โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำผิดฐานลักทรัพย์ การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานรับของโจร

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 252/2536

จำเลยใช้รถยนต์ของกลางขับไปมาตามปกติ และโดยเปิดเผย ไม่ได้ซุกซ่อนหรือนำหลบหนีไปไหน ที่อยู่ของผู้เสียหายและจำเลยก็ไม่ห่างไกลกันมากนัก สามารถเดินทางไปมาถึงกันได้โดยสะดวก หากจำเลยรู้ว่ารถยนต์ของกลางเป็นรถที่ ส. ลักมา จำเลยไม่น่าจะกล้ารับไว้ใช้ในลักษณะเช่นนี้ โดยที่ไม่เกรงกลัวจะถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้กระทำผิดคงจะต้องเปลี่ยนแปลงซ่อมแซมสภาพรถให้ผิดไปจากเดิมทั้งหมด หาใช่ตัดเอาเฉพาะหมายเลขประจำคัสซี ของรถจำเลยมาเชื่อมต่อไว้และเป็นจุดที่ยากจะสังเกตได้เท่านั้นไม่ อีกทั้งไม่ปรากฏพยานหลักฐานใดของโจทก์ให้ฟังได้ว่าจำเลยมีส่วนเกี่ยวข้องในการเปลี่ยนแปลงแก้ไขหมายเลขดังกล่าว สำหรับจำเลยมี อ.ว.และช. เบิกความเป็นพยานต้องกันกับจำเลยว่าก่อนเกิดเหตุ ส. ยืมรถของจำเลยไปพลิกคว่ำเสียหาย จำเลยให้ ส.ซ่อมโดยเปลี่ยนสีรถใหม่เมื่อส. นำรถมาคืนสภาพรถโดยทั่วไปก็เหมือนกับเก่า ผิดกันเฉพาะสีเท่านั้น และ อ.พยานโจทก์ที่ขายรถให้จำเลยก็เบิกความยืนยันเช่นเดียวกัน จึงฟังได้ว่าจำเลยรับรถของกลางไว้โดยเชื่อว่าเป็นรถของจำเลยเอง หาได้รู้ว่าเป็นรถของโจทก์ร่วมที่ถูกคนร้ายลักมาไม่ จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานรับของโจร.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 98/2537

เห็นว่า จ่าสิบตำรวจสมควรพบรถคันเกิดเหตุจอดอยู่ข้างถนนสาธารณะในลักษณะเปิดเผยใกล้สถานีตำรวจนครบาลยานนาวาประมาณ 100 เมตร ครั้นจ่าสิบตำรวจสมควรขอตรวจสอบหลักฐานในการใช้รถ จำเลยทั้งสองไม่ได้แสดงอาการที่จะหลบหนีและนำเอกสารประจำรถมาให้ตรวจสอบโดยดี ทั้งได้แจ้งให้ทราบถึงที่มาของรถคันดังกล่าวให้พนักงานสอบสวนปากคำนายจรัญไว้ด้วยโดยไม่มีพิรุธอย่างใด เมื่อพนักงานสอบสวนคืนรถคันเกิดเหตุให้ผู้เสียหายจำเลยทั้งสองก็มิได้โต้แย้ง และจำเลยทั้งสองนำสืบต่อสู้ว่าจำเลยที่ 2 ขอยืมรถจากนายจรัญไปต่างจังหวัด โดยขอแรงจำเลยที่ 1 ช่วยขับให้ โดยจำเลยทั้งสองไม่รู้ว่าเป็นรถที่ได้มาโดยผิดกฎหมาย พฤติการณ์แสดงว่าจำเลยทั้งสองได้รับรถยนต์คันเกิดเหตุไว้โดยไม่รู้ว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาโดยการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานรับของโจร

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4448/2540

เมื่อบัตรโทรศัพท์ของกลางที่ยึดได้จากจำเลย ไม่มีการซุกซ่อนโดยมีการใส่รวมกันไว้กับบัตรโทรศัพท์รุ่นอื่น ๆ ในกล่องพลาสติกตั้งอยู่ที่ชั้นวางสินค้าด้านหลังโต๊ะเก็บเงินแสดงว่าจำเลยวางจำหน่ายอย่างเปิดเผยปราศจากข้อพิรุธ อีกทั้งยินยอมให้เจ้าพนักงานตำรวจค้นโดยไม่มีการขัดขืน พยานหลักฐานโจทก์ยังไม่พอฟังว่าจำเลยได้รับบัตรโทรศัพท์รุ่นวัดอรุณซึ่งเป็นทรัพย์ของผู้เสียหายที่ถูกคนร้ายลักเอาไปเอาไว้และช่วยจำหน่ายโดยจำเลยรู้ว่าเป็นทรัพย์อันได้มาโดยการกระทำความผิด จำเลยไม่มีความผิดฐานรับของโจร

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2892/2536

จำเลยที่ 1 ได้ร่วมกับจำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 รับเอาทรัพย์ของกลางทั้งหมดไว้ในครอบครอง และจากพฤติการณ์ที่จำเลยที่ 1กับพวกได้ร่วมกันแยกเอาชิ้นส่วนออกและพ่นสีรถใหม่ รวมทั้งทำลายหลักฐานบางส่วนโดยการเผา แสดงให้เห็นว่าจำเลยที่ 1 กับพวกทราบดีแล้วว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์การกระทำของจำเลยที่ 1 จึงเป็นความผิดฐานรับของโจร ความผิดฐานรับของโจรนั้น

 10.มีการเก็บหรือทำหลักฐานการรับซื้อไว้หรือไม่

การทำ เก็บ หรือแสดงหลักฐานการรับซื้อ เช่น ใบเสร็จ สัญญา บัญชี ทะเบียน อาจเป็นข้อต่อสู้ว่าจำเลยซื้อขายโดยสุจริต ตรงไปตรงมา แต่หากไม่มีหลักฐาน หรือมีพิรุธ ก็อาจเป็นข้อเสียหาย

ถามค้านหรือนำสืบให้เห็นว่า

-แสดงให้เห็นว่าเรามีการโอนเงินโดยทั้งๆที่เราอาจจะใช้เงินสดก็ได้

-แสดงให้เห็นว่ามีการลงบัญชีลงหลักฐานในสมุดคุมการรับซื้อ

-มีการออกใบเสร็จเก็บใบเสร็จคู่ฉบับไว้

-มีการเก็บรูปและสำเนา เก็บบัตรประชาชนตามกฎหมาย เพื่อใช้เป็นหลักฐาน.

ตัวอย่างคำพิพากษาศาลฎีกา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8816/2563

ลำพังพฤติการณ์ที่ได้ความว่า จำเลยรับซื้อทองคำที่มีการหลอมมาก่อนเป็นจำนวนมากก็ไม่อาจรับฟังได้ถึงขนาดที่ว่าจำเลยซื้อทองคำดังกล่าวโดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นทรัพย์ที่ได้จากการกระทำความผิดข้อหาลักทรัพย์ เนื่องจากจำเลยเป็นผู้ดูแลห้างขายทองไล้เซ่งเฮงของนางมณีซึ่งได้รับอนุญาตให้ประกอบอาชีพค้าของเก่า ประเภทเพชร ทอง การที่จำเลยรับซื้อทองคำจากนายวัชรินทร์เป็นจำนวนมากดังกล่าวจึงมิใช่เรื่องผิดปกติทางการค้าของจำเลย ประกอบกับการซื้อขายทองคำดังกล่าวกระทำโดยเปิดเผยในเวลาทำการของร้าน โดยไม่มีการปิดบังหรือซุกซ่อนแต่อย่างใด ทั้งยังได้ความว่านายวัชรินทร์มีอาชีพหลอมทองและมีโรงงานหลอมทองเป็นของตัวเอง ก่อนเกิดเหตุนายวัชรินทร์นำทองคำไปให้จำเลยตรวจสอบความบริสุทธิ์ของทองคำที่ร้านของจำเลยเป็นประจำโดยนายวัชรินทร์เบิกความตอบทนายจำเลยถามค้านว่า ขณะนำทองคำไปขายให้แก่จำเลยนั้น พยานอ้างแก่จำเลยว่าเป็นทองคำที่พยานสะสมไว้ นอกจากนี้ยังได้ความจากร้อยตำรวจเอกดำรงศักดิ์ พนักงานสอบสวน เบิกความตอบทนายจำเลยถามค้านว่า การที่จำเลยรับซื้อทองคำในคดีนี้นั้นเป็นราคาตามท้องตลาดซึ่งเป็นไปตามที่สมาคมค้าทองคำระบุไว้โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีการระบุรายละเอียดการซื้อขายทองคำดังกล่าวไว้ในสมุดบัญชีคุมรายการขายทอดตลาดและค้าของเก่า รวมทั้งมีการจัดทำหลักฐานใบรับซื้อทองเก่าที่แนบสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของนายวัชรินทร์ไว้ ข้อเท็จจริงจึงเชื่อว่าจำเลยรับซื้อทองคำของโจทก์ไว้โดยไม่รู้ว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำความผิดข้อหาลักทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 673/2540

เจ้าพนักงานตำรวจพบชิ้นส่วนอะไหล่รถจักรยานยนต์ของกลางวางอย่างเปิดเผยในร้านซ่อมรถจักรยานยนต์ของจำเลยโดยมิได้มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงสภาพของกลางดังกล่าวเลยทั้งจำเลยยังมีบิลเงินสดที่แสดงว่าจำเลยรับของกลางไว้เพื่อทำการซ่อมซึ่งเป็นฉบับซึ่งแทรกอยู่กับใบเสร็จฉบับอื่นจึงยากที่จำเลยจะทำเพิ่มเติมได้พฤติการณ์ดังกล่าวแสดงว่าจำเลยรับของกลางไว้โดยไม่รู้ว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 21/2539

รถยนต์กระบะของกลางเป็นของผู้เสียหายถูกคนร้ายลักไปโดยไม่ทราบตัวคนร้าย ต่อมาเจ้าพนักงานตำรวจพบรถยนต์กระบะคันดังกล่าวอยู่ในความครอบครองของจำเลยที่ 1จำเลยที่ 1 แจ้งว่าซื้อรถยนต์ของกลางมาจากจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2ครอบครองรถยนต์ของกลางแล้วนำไปขายให้จำเลยที่ 1 แต่จำเลยที่ 2กลับปฏิเสธว่าไม่ได้ขายโดยไม่ยอมเปิดเผยความจริงว่าจำเลยที่ 2ได้รถยนต์คันดังกล่าวมาด้วยวิธีใดอันเป็นการผิดปกติวิสัยของบุคคลผู้สุจริต ทั้งไม่มีหลักฐานเอกสารใด ๆ ในการได้รถยนต์นั้นมา เป็นข้อพิรุธเชื่อได้ว่า จำเลยที่ 2 ได้รถยนต์ของกลางมาโดยรู้ว่าถูกคนร้ายลักมา จำเลยที่ 2 จึงมีความผิดฐานรับของโจร

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1214/2531

การที่จำเลยรับซื้อหัวเทียนของกลางจำนวนมากในราคาที่ถูกกว่าราคาขายส่งในท้องตลาดจนผิดสังเกตจากคนแปลกหน้าโดยไม่มีใบเสร็จรับเงินเป็นหลักฐานในการซื้อขาย ซื้อแล้วเอาไปซุกซ่อนในชั้นที่สองของร้าน ตามพฤติการณ์แห่งคดีดังกล่าวมีเหตุให้ควรเชื่อได้ว่า จำเลยรับซื้อหัวเทียนของกลางโดยรู้อยู่ว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ ซึ่งก็ตรงตามคำรับสารภาพในชั้นสอบสวนของจำเลย จำเลยเป็นเจ้าของร้านซ่อมรถจักรยานยนต์และขายอะไหล่ การที่จำเลยรับซื้อหัวเทียนของกลางดังกล่าวไว้ก็เพื่อค้ากำไร การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตามที่โจทก์ฟ้องศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น’

11.การให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ

การให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เช่น ให้ถ้อยคำที่เป็นประโยชน์ ตรงไปตรงมา ไม่ปกปิด ไม่หลบหนี อาจเป็นข้อบ่งชี้ถึงความบริสุทธิ์ใจ แต่หากมีพฤติการณ์ หลบเลี่ยง ให้การเท็จ หรือขัดขวาง ก็อาจเป็นข้อพิรุธ

ถามค้านหรือนำสืบให้เห็นว่า

-มีการให้ข้อมูลอย่างตรงไปตรงมา กับทางเจ้าหน้าที่หรือผู้เสียหายเมื่อได้รับการสอบถาม

-ให้ความร่วมมือในการตรวจสอบทรัพย์

-ให้ข้อมูลการรับซื้อ ให้ข้อมูลการขายต่อ

-แสดงให้เห็นว่าเราจะหลบเลี่ยงหรือปิดบังก็ทำได้โดยง่าย

-ไม่แสดงอาการตกใจหรือหลบหนีเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจมา

ตัวอย่างคำพิพากษาศาลฎีกา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3098/2543

ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า จำเลยกระทำผิดฐานรับของโจรหรือไม่ เห็นว่า พฤติการณ์ของจำเลยตั้งแต่เจ้าพนักงานตำรวจเข้าตรวจค้นที่บ้าน จำเลยวิ่งหนีออกจากบ้านทันที

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1276/2530

นอกจากนี้ยังได้ความจากร้อยตำรวจโทสถิตย์ สนเทศ พยานโจทก์ผู้จับจำเลยด้วยว่าเมื่อไปสอบถามจำเลยที่บ้าน จำเลยก็รับทันทีว่าซื้อวิทยุเทปติดรถยนต์ไว้จริง และพาไปเอาวิทยุนั้นจากบ้านอีกหลังหนึ่งซึ่งอยู่ห่างกันคนละแขวง พฤติการณ์นี้ก็แสดงถึงความสุจริตของจำเลยภายหลังการซื้อของกลาง เพราะถ้าจำเลยไม่สุจริตหรือรู้มาก่อนว่าของกลางเป็นของร้ายย่อมเป็นการง่ายที่จำเลยจะปฏิเสธหรือปกปิด หรืออิดเอื้อน ถ่วงเวลาไว้เพื่อการยักย้ายหรือซ่อนเร้นทำลายของกลางซึ่งอยู่ไกลตัวนั้นเสียได้ แต่จำเลยก็หาได้ทำเช่นนั้นไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 21/2539

ส่วนจำเลยที่ 1 ปรากฎว่า จำเลยที่ 1 ซื้อรถยนต์ของกลางจากจำเลยที่ 2 ตามราคาท้องตลาดและจำเลยที่ 1 ได้แสดงความบริสุทธิ์ตั้งแต่แรกโดยแจ้งความจริงแก่เจ้าพนักงานตำรวจในทันทีที่เข้าสอบถามจำเลยที่ 1 ว่า จำเลยที่ 1 ซื้อรถยนต์ของกลางมาจากจำเลยที่ 2 นอกจากนี้จำเลยที่ 1 ใช้รถอย่างเปิดเผยโดยจอดไว้ในโรงรถริมถนน เป็นเหตุให้เจ้าพนักงานตำรวจผ่านไปพบเห็นและเข้าตรวจสอบจับกุม ปรากฎว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลงสภาพรถ เชื่อได้ว่าจำเลยที่ 1 ไม่รู้ว่าเป็นรถที่ถูกคนร้ายลักมา จำเลยที่ 1จึงไม่มีความผิดฐานรับของโจร

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3268/2533

พฤติการณ์ที่จำเลยกับพวกใช้รถยนต์ปิคอัพ ของจำเลยบรรทุกเครื่องมือต่าง ๆ ที่ใช้สำหรับตัดรถยนต์บรรทุกสิบล้อออกเป็นชิ้นส่วนย่อย ๆ ได้ เข้าไปในไร่อ้อยอันเป็นสถานที่ซึ่งคนร้ายนำรถยนต์บรรทุกสิบล้อของผู้เสียหายไปซ่อนไว้ และหลบหนีไปจากบริเวณสถานที่ซึ่งเจ้าพนักงานตำรวจพบรถยนต์บรรทุกสิบล้อดังกล่าวเมื่อพบเห็นเจ้าพนักงานตำรวจ แสดงว่าจำเลยร่วมกับพวกร่วมกันรับรถยนต์บรรทุกสิบล้อดังกล่าวไว้สำหรับตัดออกเป็นชิ้นส่วนย่อย ๆ เพื่อความสะดวกในการจำหน่ายต่อไป โดยรู้อยู่ว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาโดยการกระทำผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2336/2533

ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ว่าสถานที่ที่จำเลยเอารถจักรยานยนต์ของกลางไปจอดไว้อยู่ห่างจากที่พบจำเลยประมาณ 500 เมตร และจอดอยู่ในลักษณะซ่อนเอาไว้ ที่จำเลยนำสืบว่าเอาไปจอดไว้เพื่อหลบแดดนั้นขัดต่อเหตุผลเพราะที่จอดรถจักรยานยนต์ของคนงานก็มี และไม่ปรากฏว่าที่จอดรถของคนงานนั้นไม่มีที่บังแดดหรือไม่มีที่อื่นที่ใกล้ ๆ จะจอดหลบแดดได้ จึงต้องนำไปจอดไว้ห่างมากเช่นนี้ การที่จำเลยจอดรถจักรยานยนต์ของกลางไว้ในลักษณะซุกซ่อน และมีอาการตกใจเมื่อพบเจ้าหน้าที่ตำรวจกับปฏิเสธในครั้งแรกเมื่อถูกถามถึงรถจักรยานยนต์ของกลางจึงเชื่อว่าจำเลยได้รับฝากรถจักรยานยนต์ของกลางไว้จากนายพรหมมาตย์หรือติ๊ก การะเวก โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำความผิดฐานยักยอก จำเลยจึงมีความผิดฐานรับของโจรดังที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัย…”

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 429/2535

จำเลยรับซื้อ กระบือไว้ เมื่อเจ้าพนักงานตำรวจมาสอบถามจำเลยไม่บอกเจ้าพนักงานตำรวจว่าตนเองเป็นผู้ซื้อกระบือไว้และปิดบังผู้ขาย แต่กลับนำเจ้าพนักงานตำรวจติดตามหากระบือไปในที่ต่าง ๆ เป็นการกระทำที่ส่อถึงเจตนาที่ไม่สุจริตของจำเลยประกอบกับการซื้อขายไม่มีการพูดถึงตั๋วพิมพ์รูปพรรณว่ามีถูกต้องตรงกันหรือไม่ และใครเป็นเจ้าของที่แท้จริง ซึ่ง เป็นการผิดวิสัยของจำเลยซึ่งมีอาชีพรับซื้อขายกระบือเป็นประจำ แม้ต่อมาภายหลังจำเลยจะนำกระบือที่ซื้อไปเลี้ยงในที่เปิดเผย และเวลากลางวันก็นำมาผูกไว้ที่บ้านซึ่งอยู่ติดถนน เพื่อแสดงถึงความบริสุทธิ์ของจำเลยก็ตาม แต่ก็ปรากฏว่าจำเลยนำไปเลี้ยงและเก็บไว้รวมกับกระบือตัวอื่น ๆ ของจำเลยอีกถึง 4 ตัว ย่อมทำให้ผู้พบเห็นเข้าใจได้ว่ากระบือทั้งหมดเป็นของจำเลย ข้อเท็จจริงและพฤติการณ์ดังกล่าวฟังได้ว่าจำเลยรับซื้อกระบือไว้โดยรู้ว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำผิดฐานลักทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5719/2533

ไม้ของกลางเป็นของผู้เสียหาย และไม้ดังกล่าวหายไป ผู้เสียหายไปพบว่าใช้ทำเป็นคอกหมูของจำเลยอยู่เมื่อผู้เสียหายไปพบว่าไม้ที่หายถูกนำไปใช้ทำคอกหมูของจำเลยจึงรออยู่จนจำเลยมาถึงและขอคืนจากจำเลย แต่จำเลยไม่ยอมคืนผู้เสียหายจึงให้นายสมหมายเฝ้าไว้แล้วไปแจ้งความ เมื่อนำตำรวจกลับมาพบว่าจำเลยรื้อคอกหมูและนำไม้ไปแล้วรวมทั้งไม้ของผู้เสียหายด้วย เห็นว่า ขณะที่กำลังมีปัญหาขัดแย้งกันอยู่ว่าไม้เป็นของใครจำเลยก็รีบรื้อคอกหมูและขนย้ายไม้ไป แม้จำเลยจะอ้างว่านางปราณีให้รื้อคอกหมูไปแต่ในวันเกิดเหตุนั้นจำเลยก็หาได้รื้อไม่ ครั้งเมื่อรู้ว่าผู้เสียหายไปแจ้งความจึงเพิ่งมารื้อและขนย้ายไปเสียเช่นนี้แสดงถึงข้อพิรุธของจำเลยทำให้น่าเชื่อว่าจำเลยรับไม้ดังกล่าวไว้จากคนร้ายโดยรู้ว่าเป็นไม้ที่ถูกลักมา การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานรับของโจร แต่ที่ศาลชั้นต้นลงโทษโดยให้จำคุกจำเลย2 ปี เห็นว่าหนักเกินไป เมื่อพิเคราะห์ถึงพฤติการณ์แห่งคดีแล้วเห็นว่ามิใช่เรื่องร้ายแรงนั้น และทรัพย์ของกลางก็มีราคาเล็กน้อยจึงเห็นสมควรแก้ไขโทษจำคุกให้น้อยลง ทั้งปรากฏว่าจำเลยอายุยังน้อยและไม่เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน มีเหตุอันควรปรานีเพื่อให้โอกาสกลับตัวเป็นพลเมืองดีต่อไป จึงให้รอการลงโทษไว้ แต่ให้วางโทษปรับอีกสถานหนึ่ง

สรุปการสู้คดีความผิดฐานรับของโจร

การสู้คดีความผิดฐานรับของโจร โดยเฉพาะกรณีที่จำเลยรับซื้อของกลางที่ได้มาจากการกระทำความผิดนั้น เป็นหน้าที่ของโจทก์ที่จะต้องนำสืบให้ศาลเห็นว่า จำเลยมีพฤติการณ์ที่ชี้ให้เห็นว่าได้รับซื้อของกลางโดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำผิด หากโจทก์นำสืบไม่เพียงพอ ศาลก็ไม่อาจพิพากษาลงโทษจำเลยได้

Express your opinion about this article

comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น