ในคดีบุกรุกมีประเด็นอะไรที่สามารถใช้ต่อสู้คดีให้ชนะได้บ้าง วันนี้จะมาอธิบายถึง 9 ประเด็นข้อต่อสู้ที่สามารถหยิบยกขึ้นมาใช้ในคดีบุกรุกให้ฟังแบบเข้าใจง่ายๆ
1.จำเลยไม่ได้เข้าไปในที่เกิดเหตุ
- เป็นการต่อสู้คดีอ้างฐานที่อยู่
- จำเลยไม่ได้เข้าไปในอสังหาริมทรัพย์ของผู้เสียหายตามที่ถูกกล่าวหา อาจมีพยานบุคคลหรือพยานหลักฐานอื่น เช่น กล้องวงจรปิดมายืนยัน
- จำเลยอยู่ในสถานที่อื่นในช่วงเวลาที่เกิดเหตุ
- ผู้เสียหายจำคนผิดพลาด หรือเข้าใจผิดไปเองว่าจำเลยเข้าไปพร้อมกับคนอื่น
ดูคลิปต่อสู้คดีอ้างฐานที่อยู่
2.ได้รับความยินยอมให้เข้าในที่เกิดเหตุ
- ฝ่ายผู้เสียหายยินยอมให้เขาไปตั้งแต่แรก เช่นบอกว่าเดี๋ยวค่อยมาเจอกันดึกๆ เดี๋ยวพรุ่งนี้ให้เข้ามา ฎ.951/2529 ฎ.32/2536
- จำเลยได้รับอนุญาตจากบุคคลอื่นผู้มีสิทธิครอบครองอสังหาริมทรัพย์ ให้เข้าไปในสถานที่นั้น เช่น เจ้าของบ้าน ผู้เช่า สามี ภรรยา บุคคลผู้ให้ความดูแล ฎ.3712/2531 ,5177/2549 ฎ.704/2536
- หรือแม้กระทั่งเป็นชู้ ภรรยาเป็นคนพาเข้าไปในบ้านถึงแม้สามีจะเป็นเจ้าของบ้านก็ยังไม่ถึงขั้นบุกรุก
- ยกเว้นว่าจะรู้อยู่แล้วว่าคนที่เป็นเจ้าของที่แท้จริงประกาศห้ามเข้า หรือห้ามโดยชัดแจ้งไม่ให้เข้า แล้วยังเข้าไปแบบนี้ก็อาจจะถือว่าเป็นความผิดได้ ฎ.279/2539
- มีลักษณะเป็นการเข้าออกอยู่บ่อยครั้งเป็นประจำ ไม่เคยห้ามปราม ฎ.5428/2540
- มีลักษณะเป็นการให้ความยินยอมโดยปริยาย เข้าไปก็ไม่ว่าอะไร
- ภายหลังเมื่อถูกเพิกถอนความยินยอม หรือทราบว่าเจ้าของไม่ให้ความยินยอมก็ออกทันที
- ต้องดูให้ดีด้วยตอนแรกอาจจะมีสิทธิ์เข้าไปเพราะเขายินยอมแต่ถ้าเขาไล่ก็ต้องออก ถ้าเขาไล่แล้วไม่ออกก็จะเป็นความผิด ตามมาตรา 364
3.ผู้เสียหายไม่ใช่เจ้าของ/ไม่มีสิทธิ์ครอบครองหรือกรรมสิทธิ์
- ผู้เสียหายไม่ใช่ผู้มีสิทธิ์การเช่า ไม่ได้เป็นผู้มีสิทธิ์ครอบครอง ไม่มีกรรมสิทธิ์
- ที่เกิดเหตุเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินไม่ใช่ของผู้เสียหาย
เช่น เป็นที่ดินของกรมชลประทาน เป็นที่สาธารณสมบัติที่ทุกคนต้องใช้ร่วมกัน เป็นที่นาอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ไม่ได้จัดให้เป็นที่ทำกินของราษฎร เป็นที่ดินสปก.ที่ทางสปกยังไม่ได้อนุญาตให้โจทก์ร่วมเข้าทำประโยชน์ในที่ดินพิพาท ฎ.723/2509 ฎ.9132/2544 ฎ.3600/2554 ฎ.4132/2550 ฎ.3884/2556 ฎ.172/2535
- ผู้เสียหายเพิ่งซื้อทรัพย์สินมาทีหลัง จำเลยเข้าไปอยู่ก่อนหน้านี้นานแล้ว และความผิดฐานบุกรุกไม่ใช่ความผิดต่อเนื่อง ดังนั้นผู้เสียหายจึงไม่ใช่เจ้าของทรัพย์สินในขณะที่จำเลยกระทำความผิด (ต้องไปฟ้องขับไล่เป็นคดีแพ่ง) ฎ.1881/2538 ฎ.2244/2532 ฎ.1552/2535 ฎ.1552/2535
- ผู้ต้องหาหรือจำเลยได้กรรมสิทธิ์ด้วยการครอบครองปรปักษ์แล้ว เสียหายไม่ใช่เจ้าของอีกต่อไป ฎ433/2458
- ผู้ต้องหาหรือจำเลยได้แย่งสิทธิที่ดินมือเปล่าเกินกว่า 1 ปีแล้ว ผู้เสียหายย่อมหมดสิทธิ์ในที่ดินแปลง ฎ.2137/2530 ฎ.3816/2538
อ้างคลิปทนายฟลุ๊ค
4.สถานที่เกิดเหตุเป็นสาธารณสถาน ไม่ใช่เคหสถาน
กรณีสถานที่ดังกล่าวเป็นสาธารณะสถานที่บุคคลทั่วไปเข้าไปได้อยู่แล้ว เช่นเป็นร้านอาหาร สำนักงานทนายความ ร้านเสริมสวย คาราโอเกะ ร้านจำหน่ายสินค้าต่างๆ การเข้าไปย่อมไม่เป็นความผิดฐานบุก
ประเด็นก็คือ
- ต้องดูเวลาเปิด-ปิดทำการด้วย
- ต้องดูบริเวณที่เข้าไปด้วยว่าเป็นบริเวณที่เขาเปิดให้เข้าไปไหม
5.ไม่ได้มีเจตนาพิเศษ / มีเหตุสมควร
- ไม่ได้เข้าไปถือการครอบครองหรือแย่งการครอบครอง ม.362
- ไม่ได้เป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์โดยปกติสุข ม.362
- มีเหตุสมควรที่จะเข้าไปได้ ม.364
ตัวอย่างเช่น
- เข้าไปกลับรถในที่ดินแป๊บเดียว โดยไม่ได้เกิดความเสียหายใดๆ
- เตะบอลแล้วลูกบอลเข้าไปในที่ดินวิ่งเข้าไปเก็บลูกบอลแป๊บเดียว
- แมวหายเข้าไปตามแมว
- ถือวิสาสะผ่านทาง ดังเช่นที่คนอื่นๆใช้ผ่านมา
- เข้าไปเพื่อเป็นการหลบภัยถูกทำร้าย ถูกทำอันตรายจากที่อื่นมา
- เป็นสามีเข้าไปติดตามภรรยาเพราะมีเหตุอันควร ฎ.6506/2542 ฎ.2075/2529
- เข้าไปติดตามตัวบุตรผู้เยาว์ 473/2522
6.มีอำนาจตามกฎหมายที่เข้าไปได้
- มีภารกิจจำเป็นต้องเข้าไป เช่น เจ้าพนักงานมีหมายค้น หรือมีอำนาจค้นได้โดยไม่มีหมายค้นกรณีเป็นเจ้าหน้าที่ปปปส หรือพบความผิดซึ่งหน้าในเคหสถาน ฎ.1194/2517 ฎ.4711/2542
- มีอำนาจที่ระบุไว้ตามกฎหมายอื่นๆ เช่นอำนาจของเจ้าพนักงานบังคับคดีในการเข้าครอบครองทรัพย์
- การให้ความยินยอมไว้ล่วงหน้าตามที่ระบุไว้ในสัญญา หรือข้อตกลง ฎ.3025/2541 ฎ. 5396/2549 แต่ในกรณีสัญญาเช่า แต่ปัจจุบันอาจจะใช้บังคับไม่ได้แล้วเพราะว่ามีการประกาศว่าธุรกิจการเช่าเป็นธุรกิจควบคุมแล้วก็ห้ามไม่ให้ ระบุไว้ในสัญญาเช่นนี้ แต่ถ้าเป็นสัญญาประเภทอื่นก็อาจจะยังถือว่าใช้บังคับได้อยู่ เช่นสัญญาให้พักอาศัยฟรี หรือสัญญาต่างตอบแทนประเภทอื่น
- มีเหตุภยันตราย ภายในอสังหาริมทรัพย์นั้นเช่นเกิดเพลิงไหม้ เข้าไปช่วยดับเพลิง
- มีคนถูกทำร้ายอยู่ภายในที่เกิดเหตุ เห็นเจ้าของบ้านกำลังทำร้าย หรือทำร้ายบุคคลอื่นอยู่ จึงเข้าไปช่วย
อ้างคลิปป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย
7.สำคัญผิด – เชื่อโดยสุจริต
- ไม่รู้ว่าเป็นที่ดินหรือเคหสถานของบุคคลอื่น เช่นซื้อที่ดินมาโดยที่ยังไม่ได้รังวัด
- สร้างรั้วในที่ดินโดยเข้าใจว่าเป็นของตนเอง 3060/2525 ฎ.6303/2539
- เช่นเราเป็นช่าง เข้าไปรื้อของ เข้าใจว่าคนที่พาเข้าไปเป็นเจ้าของ โดยเข้าใจโดยสุจริต ฎ.3115/2526
- เข้าใจว่ามีสิทธิ์อยู่และสิทธิครอบครองได้โดยชอบ โดนหลอกขายมา ฎ.291/2537
- เดินเข้าผิดบ้าน หลงทางเข้ามา
อ้างคลิปทนายบอล
8.เป็นเพียงเรื่องการผิดสัญญาทางแพ่ง
- เป็นการอยู่ต่อเนื่องมา จากการที่มีสิทธิ์การเช่า หรือข้อตกลงให้อาศัยอยู่ในที่ดินพิพาท แม้ไม่ออกไปก็ต้องเป็นเรื่องใช้สิทธิ์ทางแพ่งฟ้องร้อง ไม่เป็นบุกรุก เพราะผู้ให้เช่าสละการครอบครองตั้งแต่แรกแล้ว ฎ.2257/2524 ฎ.2720/2551
- เป็นเพียงการโต้แย้งสิทธิ์ทางแพ่ง เนื่องจากมีข้อถกเถียงเรื่องกรรมสิทธิ์อยู่ ว่าใครเป็นเจ้าของกันแน่โดยเป็นการโต้เถียงโดยมีเหตุผลมีพยานหลักฐานยืนยัน ฎ.394/2537 ฎ.3548/2539 ฎ.3490/2553
9.ไม่ใช่ผู้เสียหายโดยนิตินัย
ความผิดฐานบุกรุกเป็นคดีความผิดต่อส่วนตัวอันยอมความได้ ถ้าไม่ใช่เป็นคดีที่มีเหตุฉกรรจ์ตามมาตรา 365
ดังนั้นถ้าผู้เสียหายไม่ใช่ผู้เสียหายโดยนิตินัย มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดหรือเป็นผู้ก่อให้เกิดการกระทำความผิด ย่อมไม่ใช่ผู้เสียหายที่มีอำนาจแจ้งความร้องทุกข์ หรือฟ้องคดีเองโดยตรงต่อศาลได้
ตัวอย่างเช่น
ผู้เสียหายกล่าวท้าทายให้จำเลยเข้าไปในที่เกิดเหตุ หรือทำร้ายเขาก่อนแล้ววิ่งหนีเข้าบ้าน
10.คดีขาดอายุความแล้ว /ตกลงยอมความกันแล้ว
เฉพาะคดีที่ไม่มีเหตุฉกรรจ์ ตามมาตรา 365
สู้ประเด็นเรื่องอายุความ
คดีบุกรุก ไม่ว่าจะเป็นมาตรา 362 หรือ 364 อายุความ 3 เดือนเพราะเป็นคดีความผิดยอมความได้
ความผิดบุกรุกไม่ใช่ความผิดต่อเนื่อง เป็นความผิดสำเร็จทันทีนับแต่ครั้งแรกที่เข้าไป
ดังนั้นอายุความ 3 เดือนนับแต่วันที่บุกรุกเข้าไปสำเร็จหากเกินกว่า 3 เดือนแล้วไปฟ้องคดีก็ขาดอายุความ ฎ.2269/2538
สู้ประเด็นเรื่องมีการตกลงกันแล้ว
เช่นบุกรุกแล้วต่อมามีการทำข้อตกลงว่าไม่ติดใจเอาความกันทำบันทึกประจำวันหรือทำหลักฐานไว้เป็นหนังสือ สิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไป ฎ.67/2524
สรุป
สรุปแล้วเนี่ยในประเด็นข้อต่อสู้ในคดีบุกรุกทั้ง 10 ข้อก็ลองเอาไปปรับใช้กันดูนะครับให้เหมาะสมกับรูปคดี นอกจากนี้ในแต่ละคดีก็อาจจะมีประเด็นข้อต่อสู้อย่างอื่นที่สามารถหยิบยกมาได้แล้วแต่ประเด็นแล้วแต่รูปคดีอีก