ข้อควรรู้ใน การว่าจ้างทนายความ “อย่าโกหกเด็ดขาด”
สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งที่ผู้มีคดีความควรรู้ก่อนว่าจ้างทนายความก็คือ
“ทนายความไม่สามารถทำงานได้ดี หากคุณไม่ให้ความร่วมมือหรือโกหกหรือปิดบังข้อเท็จจริง”
ดังนั้นคุณจึงไม่ควรรำคาญหรือรู้สึกเบื่อหากถูกทนายความของคุณซักถามคุณหรือพยานของคุณด้วย คำถามต่างๆเป็นจำนวนมาก ซึ่งคุณอาจมองว่ามันไม่ใช่เรื่องสำคัญ ไม่เห็นจะต้องถามเลย เพราะเรื่องบางเรื่องที่คุณมองว่าไม่สำคัญอาจเป็นจุดเปลี่ยนของคดี หรือทำให้คดีพลิกได้ ซึ่งหากทนายความไม่ทราบเรื่องดังกล่าวมาก่อน และมาทราบเอาภายหลังตอนคดีขึ้นสู่ศาลได้ รูปคดีของคุณก็อาจจะเสียเปรียบได้
และคุณก็ไม่ควรโกรธหากถูกทนายความสอบถามด้วยคำถามตรงๆ หรือคำถามที่แทงใจดำ เพราะหลักในการซักถามข้อเท็จจริงของทนายความมืออาชีพคือเขาจะต้องสอบถามคุณ และพยานของคุณด้วยคำถามเสมือนว่าเขาเป็นทนายฝ่ายตรงข้าม ทั้งนี้เพื่อตรวจสอบว่าคำพูดของคุณมีพิรุธหรือขัดแย้งกับความน่าจะเป็นหรือ ขัดแย้งกับพยานหลักฐานอื่นๆหรือไม่ เพื่อทนายความจะได้วางรูปคดีและหาวิธีแก้ไขต่อไป
การทำงานของทนายความมืออาชีพจะแตกต่างทนายแบบ18มงกุฎที่ไม่คิดจะสอบถามอะไร คุณมากมาย ตรงกันข้ามทนาย 18มงกุฎจะดูนิ่งขรึมและจะให้ความมั่นใจแก่คุณว่าคดีชนะแน่นอน ทำให้คุณรู้สึกสบายใจ แต่กว่าคุณจะรู้ตัวว่าเลือกคนผิดก็เมื่อศาลมีคำพิพากษาแล้วนั่นแหละครับ…
และที่สำคัญคุณควรจะบอกทุกเรื่องกับทนายความด้วยความเป็นจริง เพราะจะทำให้ทนายความวางรูปคดีได้อย่างถูกต้องและเป็นประโยชน์มากที่สุด (เช่นการหลีกเลี่ยงการนำพยานหลักฐานบางอย่างไปที่จะมีผลเสียมากกว่าผลดีไป แสดงต่อศาล,การวางแผนในการหักล้างทำลายน้ำหนักของพยานฝ่ายตรงข้าม)
ตรงกันข้ามหากคุณปิดบังความเป็นจริง และความจริงมาปรากฏขึ้นในชั้นพิจารณาอย่างกะทันหันจากพยานหลักฐานอันหนักแน่นของฝ่ายตรงข้ามและคุณแพ้คดีก็อย่าไปโทษทนายว่าไร้ฝีมือนะครับ
ซึ่งหากคุณไว้ใจทนายความสักคนให้ทำคดีรักษาผลประโยชน์ในชีวิตและทรัพย์สิน แทนคุณแล้วก็จงบอกความจริงทั้งหมดแก่เขาครับ อย่าห่วงหากทนายความนำความลับของคุณที่ได้รับรู้มาจากการเป็นทนายความไปเปิด เผยเขาจะมีความผิดตามกฎหมายมีโทษจำคุก และยังเป็นความผิดมารยาททนายความซึ่งคุณสามารถร้องเรียนต่อสภาทนายความได้อีกด้วย